ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิชาธรรมะบันปลุก ภาค 3 ตอนที่ 270
ระหว่างแห่งธรรมเหล่นั้นไม่มี เหตุนี้ ธรรมเหล่านั้นจึงชื่อ
อนันตะ (ไม่มีมีระหว่าง)
ธรรมเหล่านั้น ชื่อว่าอนันตระอย่างดี เพราะไม่มีหยุดจะจัด
เหตุนี้ ธรรมเหล่านั้นจึงชื่อ สมัยนตระ (ไม่มีระหว่างอย่างดี)
[แก้สหชาติปัญจัย]
ธรรมผู้อุทิษโดยความเป็นธรรมที่มีแต่เกิดขึ้น ก็ยังธรรมอื่น
ให้เกิดขึ้นพร้อมกันด้วย ชื่อว่าหมาปัญจัย ดูประทีปเป็นปัจจัยโดย
ยังแสงสว่างให้เกิดขึ้นพร้อมกัน นั่นนั้น สหชาติปัญจันขึ้นเป็น ๖ อย่าง
ด้วยอำนาจแห่งอรุปันเป็นตัน ดั้งกล่าวว่า "บั้นธ์ ๔" ที่ไม่มีรูปเป็น
ปัจจัยโดยเป็นสหชาติปัจจัยชั่งกันและกัน มาหฤ๐ เป็นปัจจัยโดยเป็น
สหชาติปัจจัยซึ่งหนั้นและกัน นามและรูปในขณะก้าวลง (สู่สรรค์) เป็น
๑. เราไม่รู้พิพัฒนาสติรึกซึ่ง ก็ได้แต่เนิ่นไปด้วยมานุสันว่า ถ้าไม่มีความต่างกันแล้ว
พระบาลีจะแยกหัวข้อไว้เพื่อประโยชน์อะไร ?
คำพที สมุนตุร นั่น ที่นึกออกในเวลานี้ ก็โปรดพนสูตร พรมนสังสฤต
สังสฤตนินายก คือ "...ดูดาวฤกษามา วุฒิภูติวา สมุนตุร ภควา ปริพิพาท" ซึ่ง
น่าจะเป่าว่า "ออกจากฤดูก่อนมาแล้ว พระผู้มีภาระเจ้าเข้าปริพิพานในทันที"
สมุนตุรนี้ ปรากฏในขันธ์หลังคิดวว่า "ระยะทางใกล้ที่สุด" หรือว่า
"ระยะครั้นชิด" ซึ่งก็ได้กันกับคำว่า "ทันที" นั่นเอง สมุนที่ท่านเดิน สู่ ปลัด
เข้าไว้ ก็เพื่อให้มีความต่างจาก อนุสตร เอง ๆ โดยนั่นเอง อนุตร - ไม่มีระหว่าง เอา
ความว่าดับปกติธรรม สมุนตุร - ไม่มีระหว่างด้วย เอาความว่าดับบรรชันชิด ส่วนว่า
อะไร ได้แค่ไหน นั้น ขออย่าว่าวาท่านผู้เชี่ยวชาญ
๒. มหกุฏว่า มีได้เป็นปัจจัยแห่งความเกิดขึ้นเท่านั้น เป็นปัจจัยแห่งความตั้งอยู่ด้วย
เหมือนประทีปเป็นปัจจัยแห่งความตั้งอยู่ของแสงสว่างด้วย มิใช่เป็นปัจจัยแห่งความ
เกิดขึ้นเท่านั้น