ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค~ วิชาภิรมรรกแปล ภาค ๑ ตอน ๑ หน้าที่ ๑๙๑
ความเป็นสังขาร และถิ่นมิตระ เป็นอนัตตะ
[ถิ่นมิตรยะ]
ในถิ่นมิตรนั้น ความท้อแท้ ยังถือว่า ความว่างเปล่า ชื่อกัน มีมิตระ ขยายความว่า (ถิ่นนั่นก็สำ) กิเลสก็ออ (คือดอย)
เสีย ด้วยหมอดูศาละ (มิจฉะก็อ) กลายลง (คือเลิกละบี เสีย)
ด้วยหมดความสามารถ ถิ่นน่ด้วย มิจฉะด้วย (รวมกัน) ชื่อถิ่น-มิตระ ในสองอย่างนั้น ถิ่น ฯ มีความไม่มีถิ่นกลทะเป็นลักษณะ มีอันคลายความเสียเป็นรส มันจงอยู่เป็นปัจจุบัน มิตระ มีความไม่ควรแก่การงาม (คือไม่คล่องแคล้ว) เป็นลักษณะฯ มีอันปิด (ทวาร) ลงเป็นรส มีน้องก็เป็นปัจจุบัน หรือว่าอุปน หลบโงกเป็นปัจจุบัน (ก็ได้) ทั้งสองอย่างด้วยกันมีความทำในใจโดยไม่ถูกทาง ในเพราะความไม่ดีดี (ในกุศลธรรม) และความ ครุ่นาคัยเป็นต้น ในสังขารทั้งหลายที่กล่าวในอากุศลวิญญาณดวงที่ ๑ สังขารเว้น มิจฉาทิฏฐุ ที่เหลือ (๖๖) พึงรำบากว่า สัมปโยคบัณฑอุตสาห์วิญญาณ ดวงที่ ๓ (คือ โสมัสสรรค คำรู้จิตวิปยูต องค์ขาว) แด่
๑. ปะเภณิวาสุทธรรมฯพิมพ์ว่าเป็น อาสุตวิมาโต เข้าใจว่าเป็น อสุต--- มหาภูก็แก้ไว้เป็น อสมุตตุวิมาโต ได้แก้และแปลตามที่เข้าใจนี้
๒. มหาภูก็ตั้งข้อสังเกตว่า แม้นจะมีกิสัมภาษไม่ควรแก่การงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่น่ะเป็น สำหรับจิต แต่มีภะเป็นสำหรับบั้น ๓ มือตานั้นเป็นต้น
๓. มหาภูกว่า ถิ่นนะ เป็นเหตุบุแห่งจิตเช่นนั้น แต่มีกะ ธัญญปาทด้วย เพราะเหตุนี้ ท่านจึงว่า มิตระ มีอ้อนหลังโจทย์เป็นปัจจุบัน