ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิกฤติธรรมเปล่า ภาค 3 ตอน 1 หน้า 162
สัตว์กับทั้งสมมะ พราหมณ์ ทั้งที่เป็นเทวะและมนุษย์ เพราะเหตุ (คาดคิดเป็นพระอริยะ) นั้น จงจะทั้งหลายนี้ (ของคาดคิด) จึงเรียก อริยสัจ".
หรือหินหนึ่ง เรียกอริยสัจ โดยที่ความสำเร็จเป็นพระอริยะ (มีได้) ก็เพราะได้ตรัสรู้จะทั้งหลายนี้ก็ได้ ดัง พุทธจึง ว่า "ฤกษ์กิญจ์ ทั้งหลาย เพราะได้ตรัสรู้สัจ ๔ นี้ตามจริงแล พระคาดคอร์หันต- สัมมาสังกัปป์เจจึงได้นวมว่าพระอริยะแยะ
องค์โสด เรียกอริยสัจ เพราะเป็นจังขออย่างอริยะนี้ได้ คำว่า อริยะ (ในอรรถนี้) มีความหมายว่าจริงแท้ไม่ลง ดังบลี่ว่า "นี้แหร ภูกุทั้งหลาย อริยสัจ ๔ เป็นความจริงแท้ไม่เท็จไม่เป็นอื่น เพราะฉะนั้น จงจะทั้งหลายนี้จึงเรียกว่า อริยสัจ"
วินิจฉัยโดยนิพนธ์ (แถกล่า) ในอริยสัจ นี้ บันทึกพิงพระบ ดั่งกล่าวมานั้นนี้
[โดยประเภทแห่งลักษณะเป็นต้น]
ถามว่า "วิจินฉัยโดยประเภทแห่งลักษณะเป็นต้นอย่างไร ?" แล้วว่า "ถ้าในสัจ ๔ นี้ มีความเมียดีเย็นเป็นลักษณะ มีความ
๑. สัง มหาวาร. ๑๑/๕๕๕
๒. สัง มหาวาร. ๑๑/๕๓
๓. สัง มหาวาร. ๑๑/๕๕๕
เป็นอนึ่งว่า คำ "อริยสัจ" แปลได้ คือ สัจจะที่พระอริยะแต่งตลอด ๆ สัจจาของพระอริยะ ๑ จงจะที่ความเป็นพระอริยะให้สำเร็จ จงจะอย่างอริยะ (คือจริงแท้) เรามักเปล่านานนี้ ๆ นี้ แต่แปลอย่างประเสริฐ คือแปลว่า ความจริงอย่างประเสริฐ