ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิทยาภิรมย์เปล่า ๓ ตอนที่ ๑- หน้าที่ ๒๑๐
ในกฎกัณนั้น ธรรมทั้งหลายสัมปุฏกัมมรรและสามัญผล
ทั้งหลาย ชื่อว่าเป็นทุกข์ เพราะเป็นสงสารทุกข์ ตามพระบาลีว่า
“สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์” แทไม่เป็นอริสรสง
แต่ไม่เป็นทุกข์ ส่วนอริสรสง ๑ นอกจากนี้ (คือสมุทัยและมรรค) พึง
เป็นทุกข์ก็ได้ เพราะไม่เที่ยง แต่อย่าเพราะโยคาวอยู่ (ประพฤติ)
พรหมธรรมในพระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งพินเพื่อกำหนดคู่ทุกข์มีใช่เป็น
ทุกข์โดยความเป็นทุกข์ย่อมบ่ง (คือว่าเป็นทุกข์เพราะไม่เที่ยง มีใช่
เป็นทุกข์โดยเป็นปริญญาอนุญธรรม) ส่วนอุปาทานขันธ์ ๕ เว้นแต่ตันหา
เป็นทั้งทุกข์อริยสัจ โดยอาการทั้งปวงธรรมทั้งสัมมุต
กับมรรคนและสมาธิผลทั้งหลาย ไม่เป็นทุกข์โดยความเป็นทุกข์สำหรับ
กำหนดรู้แห่งพระโวาทอรรถ (ประพฤติ) พรหมธรรมในพระผู้มี
พระภาคเจ้า (คือไม่เป็นทุกข์โดยเป็นปริญญาอนุญธรรม แต่เป็นทุกข์โดย
เป็นสงบระทุกข์ ดังกล่าวในบทแรก) (ตั้ง) ไม่เป็นอริสัจ
วิจินฉัยในอริยสัจนี้โดยคุณกะ โดยประกอบความเข้าตามควร
ในอริยสัจอื่นสมุทัยเป็นต้นด้วย บนหัตถิงทราบโดยนัยดังกล่าวมาจะนี้
๑. มรรคนสัมปุฏกธรรมและสามัญผล ยังคงเป็นสงสารธรรม จึงยังเป็นสังขารทุกข์ มิใช่
มีดับ แต่ไม่เป็นอริสรสง เพราะไม่เข้ากันจะเป็นปริญญาอนุญธรรม ปลาทพธรรม
อังครธรรมและนิยามธรรม ตามกิจของอริสัจ
๒. เพราะค้นหาเป็นอริสัจข้อหนึ่งต่างหาก คือเป็นสมุทัย
๓. คือไม่มียาอะไร