ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิชาธรรมะเบื้องต้น ๓ ตอน ๑ - หน้าที่ 402
[nานัตนัย]
ส่วนการกำหนดลักษณะของใครของมัน แห่งธรรมทั้งหลายมี
อวิชาเป็นต้น ชื่อว่านานัตนัย ซึ่งเป็นนิยามที่เมื่อเห็นโดยถูกต้องอ่อน
ละสัสถกฎรู้ได้ เพราะเห็นความเกิดขึ้นแห่งสิ่งใหม่ ๆ เมื่อเห็นผิดไป
ย่อมจะยึดมันอูอาทิวิชิ เพราะถือเอาเหตุผลอันตอกอยู่ในสันดานเดียว
กัน (คือมีสันดิตเดียวกันดังกล่าวแล้ว) สันดานมาเกิดลง (คือตาย ?)
นั่นเองว่างต่างกัน (คือเป็นคนละคน ไม่สิ้นต่อกัน) ไปเสีย
[อภัยาปานัย]
ความที่อวิชาไม่มีความวนว่าย (คือไม่มีความคิด) ว่า
"สงบทั้งหลาย ข้าทำให้เกิดขึ้น" หรือว่า สงบไม่มีความวนว่าย
(คือไม่มีความคิด) ว่า "จิตอุปถัมภ์" ข้าทำให้เกิดขึ้น" ดังนี้เป็นอาทิ
ชื่อว่า อภัยาปานัย ซึ่งเป็นครั้งที่เมื่อเห็นโดยถูกต้อง ย่อมละอัตทิวิชิ
(ความเห็นว่ามัดตรา) ได้ เพราะยังรู้ความไม่มีผู้สร้าง เมื่อเห็นผิด
ไม่ย่อมจะยึดเอาอาทิวิชิ เพราะไม่ถือเอาความเป็นเหตุแห่งธรรม
ทั้งหลายมีอวิชาเป็นต้น ซึ่งแม้เมื่อความวนวายไม่มี ก็มีได้โดย
• . ไม่พบคำอธิบายของท่าน ว่าเมื่อสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นแปลก ๆ
กันอยู่เสมอ ก็แสดงว่ามีเหตุให้เกิดต่าง ๆ กัน จะว่าเป็นเหตุตะ อย่างไรได้' เช่น
นี่กระมัง ?
2. อธิบายตามนิยายมาทีกว่า พวกอุปาทิวิชิณนี้อนันตะ คนหนึ่งตายแล้วก็
สุขไป คนหนึ่งเกิดขึ้นมาใหม่เป็นคนละคน ไม่มีอะไรสิ้นต่อกัน (แต่ไม่อธิบายว่าคนที่
เกิดมาใหม่มันมา จากไหน ? ส่วนานัตนัยที่ชอบนั้น หมายความว่า ธรรมทั้งหลาย
มีวิชชาเป็นต้น คือเหตุและผลนั้นมีลักษณะ คือสถานะแตกต่างกัน (แต่ขึ้นสัมพันธ์กัน)