ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิถีธรรมรวมเปล่า คำ ด ค ตอน ๑ - หน้าที่ 201
พระนิมพน" ฉะนี้ไช่บ่ คำสนองใบพึงมีว่า "อนุญาตนั่นน่าชื่อว่า เที่ยงหมามได้ เพราะไม่มีเหตุ (ที่จะเข้า ถึง)" หากมีคำเสนออ้าง อีกว่า "เพราะพระนิมพนที่เชิง สังฆาสันนี้ก็เที่ยง" จะนี้ใช่ "คำ สนองใบพึงมีว่า "หมาได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เข้าสักณะแห่งเหตุ (มีความเป็นธรรมที่พึงมุ่งหมายปรารถนาได้เป็นต้น)" หากมีคำเสนอ อีกว่า "สิ่งเหล่านั้นจัดเป็นเที่ยง เพราะไม่มีเหตุให้คิดขึ้นเป็นต้น เหมือนพระนิมพน" จะนี้ใช่ คำสนองใบพึงมีว่า "หมาได้ เพราะอนุญาตนั่นไม่สมุทธิปิฎ เป็นอำนาอผลให้รุก" ?
อันพระนิมพนนี้เท่านั่นเที่ยงแท้ เพราะมิสาระคือความถูกต้อง (ชอบด้วยเหตุผล) ดังกล่าวแล้ว เป็นอรูป เพราะล่วงเสียซึ่งสภาพ แห่งรูป (มีความเสื่อมโทรมเป็นต้น) มิใช่สิ่งไม่อยู่โดยปราศจาก เพราะเป็นสิ่งที่พึงบรรลุได้ด้วยอำนาจศิษย์ที่เร่งด้วยความมากเนือนไม่ยอ่หย่อน และเพราะเป็นพระคำของพระสัพพัญญเจ้า ด้วย จริงอยู่ พระสัพพัญญเจ้าได้ตรัสคำนี้ไว้ว่า "มีอยู่ ภูมิทั้งหลาย ธรรมชาต อันไม่เกิด ไม่เป็น อันหยุดอะไรก ฯ" ได้ไปทำขึ้น อันปัจจัยอะไรก ฯ ได้ แดงนี้" ดังนี้
- การที่ท่านกล่าวทุกบทวว่า เป็นนิพพาน นี่อย่างไรอยู่ เราข้าใจมันกว่า อรสิลิเป็นระบบเหตุบ่งผล คือทุกบันเป็นผล สมุทัยเป็นเหตุ ๑ นิรสิ เป็นผล มรรคเป็นเหตุ คู่ว่า ส่วนพระนิพพานหาได้อยู่ในระบบเหตุผลไม่ อีกอย่างหนึ่ง ศัพท์ที่หมายถึง มรรคก็ได ผลก็ได้ นิพพานก็ได้ อาจารย์สอนให้แปลต่างกัน ดังคำพ์ ๆ โย่ ที่กล่าว แล้ว ในเชิงรถ ๓ หน้า ๑๙๕ เพราะฉะนั้น นิเรือ ถ้าเป็นนิพพาน ก็ต้องแปลว่า "ธรรมเป็นที่ดับ" แต่เราเปล่านิมนามว่า "ความดับ" อันหมายถึงผล ยังไม่มียิน นักปราชญผู้ได้คัดค้านเลยว่าแปลผิด