ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(ค) - ทุติยสมบูรณ์ปาลาสิกานกะ ภาค ๑ - หน้า ที่ 4
อย่างอื่น แล้วจึงจำวัด. เมื่อมีอีกกุฎิทิรททำเช่นนั้น ท่านเรียกว่า "มี
สติสัมปชัญญะ คือ ไม่มะสติสัมปชัญญะจำวัด." ก็ภิญาเหล่านั้น
เป็นคนโง่ โลเล มีส่วนเปรียบเทียบอันอื่น ไม่ได้กระทำอย่างนั้น.
ด้วยเหตุนี้ พระธรรมสงฆ์กายยังหลาย จีงกล่าวว่า เตด
"เป-๙ โอกุกมุตตาน" ดังนี้.
ข้อว่า อตุติ เจตตุ เจตนา อุปพฤกษ์ มีความว่า ก็ความจงใจ
ยินดีในความฝันนี้ มีอยู่ คืหาได้อยู่.
ข้อว่า อตุเฑลา ภิกฺขู เจตนา สา จ โบ อุโพฬาริกา
มีความว่า คู่ก่อนภิกษุทั้งหลาย! เจตนาเป็นเหตุอันดี นี้ มีอยู่, แต่
เจตนานั้นแล ชื่อว่า เป็นอุโพฬาริก คือ ไม่เป็นองค์กรแห่งอาณัติ
เพราะบังเกิดในฐานอันไม่ใช่วิสัย.
พระผู้พระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความที่เตดนาในความฝัน
เป็นอุโพฬาริก ด้วยประกอบอย่างนี้แล้ว จึงทรงบัญญัติสิบขบวน
พร้อมทั้งอนุญาตว่า "ภิกฺขุทั้งหลาย ! ก็แแล เธอทั้งหลาย พึงสวด
สิกขาบทนี้ อย่างนี้ว่า ' การปล่อยสุขะนะเป็นไปด้วยความงง.'"
เว้นไว้แต่ผัน เป็นสังฆาเสส" ดังนี้.
[อธิษฐานสิกขาบทวิงวอน ว่า ด้วยสัญญาณิกสัดฟ์]
ในสิกขาบทนั้น มีวิจินฉัยยั่งยืนต่อไปนี้:- เจตนาแห่งการปล่อย
ลูกนั นี้ มีมูลเหตุยังต่อไปนี้:- เจตนาแห่งการปล่อย
ลูกนัน้ มีอยู่, เหตุนี้นั้น การปล่อยลูกนัน้ จึงชื่อว่า สัญญาณา
(มีเจตนา). สัญญาณานั้นแหละ ชื่อสัญญาณกา. อีกอย่างหนึ่ง ความ