ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(ตอน) - ดูข้อสมุติปาสาคาถาแปล ภาค ๑ หน้า ที่ 257
เหล่านี้ พึงทำอุปสมถน้อยอย่างนี้: ภิกษุผู้ลาดตะล่อม พึงเผดียง ภิกษุเหล่านั้นให้ทราบ" แล้วจึงสรรเสริญอุปสมถในภิกษุ รูปอีก แผนกหนึ่งด้านหาก โดยขยันเป็นดั่งว่า "ภิญฺททั้งหลาย! เรานอนุญาตให้ภิกษุ ๒ รูปทำปริศุทป์อุปสมถ ภิกษุทั้งหลาย! ก็แลกุอุปผ
ันทํานั้น พึงทำอุปสมถน้อยอย่างนี้, ภิกษุเเดรพึงทำอุตตรสง์วิเวจงบ่า" ดังนี้ จะนั้น. ก็เพราะ ไม่มีความแปลกกัน; ฉนั้น พระผู้มีพระภาค จึงปีได้ตรัสไว้ ทรงผ่านไปเสียง เพราะฉนั้น บาลีในกรมสะกิดิภิกษุ. ๒ รูป เป็นบาปที่ตรัสไว้แก้คะเหมือนกัน.
ส่วนในการรับอาบัติมีความแปลกกันดังนี้: - บรรดาภิกษุ ๒ รูป ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง อยู่ตั้งอุตตต เหมือนภิษุผู้รับอาบัติ ตั้งอุตตต ใน
เมื่อภิษุผู้ต้องอาบัติละแก่อะแล้วแสดงอาบัติ พึงรับอาบัติเหมือนบุคคลเดียวรับ นะฉัน. แท้จริง ชื่อการตั้งอุตตตสำหรับภิษุ ๒ รูป ย่อมมิได้. ก็ถ้าหากาพึงมิ, พระผู้มีพระภาคเจ้าจะไม่พึงตรัสปราศรัย-อุปาสไว้แผนกหนึ่ง สำหรับภิษุ ๒ รูป แม้ในการให้วรเราที่เสสละแล้วกัน แล้วคืน จะกล่าวว่า "อิมฺ ปิร็ฺอ เกิริ เอยสมโณ เทม พวกเราให้วร
พินนี้แกท่าน" เหมือนกับรูปเดียวกล่าวว่า "อิมฺ เอกะ อายสมโณ" ทมมิ ผนึกวี้พ้นนี้ก็เท่านัน" ดังนี้ ก็ควร จริงอยู่ แม้นบัญัติตุฏิอฏิทูอรรม ซึ่งหน้ากว่านี้ กล่าวว่า "ควรปโลกนึก he" ก็มี. วิจัยกรรมมีการ สะนี้ สุมารแกฏุฏกิฏิฏิอกรรมแหล่านั้น. แต่อีกวีที่เสรแล้ว ควร ให้ด้นทีเดียว, จะไม่ให้ด้นไม่ได้. ก็การให้ด้นวีรที่เสียนแล้วนี้
๑ วิ มหา ๑๒๔๒-๒๔๕.