ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(๓) - ดูอธิบายปลาสัทกแนปเปล ภาค ๑- หน้าที่ 156
ความว่า ไม่ถูกผู้ความสอบถาม ด้วยบรรดาวัตถุที่ได้เห็นเป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง
ก็บังเอิญพิสูจน์ความสัมพันธ์แข็งแรงนานอตกทั้ง ๒ นี้ ด้วยกล่าวว่า ภูกู อ โกส ปฏิญาณ นิ่งอยู่ มีรูปความที่ท่านกล่าวไว้ดังนี้ว่า "กัลยา ภิกขุ นั่นผู้ใดผู้หนึ่งนี้เอาตาม ภิกษา ไม่ถือเอาตาม ก็ทาม อย่างนี้ (เชื่อก็ตาม ไม่เชื่อก็ตาม) ยืนยัน อิงอาศัยโทษะ คือ ปฏิญญา เป็นสังขทิสส. ถ้าถึงพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ เพื่อแสดงกลาปฏิญญแห่งความเป็นอธิษฐานไม่มีมูลเท่านั้น แต่ก็ถึงผู้โจทก์ย่อมต้องอาบัติในขณะที่โจทก์นั้นแล
บัดนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสคำว่า อธิฏฐิ นาม เป็นต้น เพื่อจะไม่ตรัสสักนามะอธิฎฐิในไม่มีบังนั้น แสดงแต่ยืนหยัดนั้นเพียงเพราะลักษณะแห่งอธิฏฐิไม่มีมูล ได้ตรัสไปแล้วในก่อน ในคำว่า อนุญลูกเจาะ ต อธิฏฐิ โทิติ นี้
[ อธิบายคำว่าอธิฏฐิเป็นต้น ]
เพราะ อธิฏฐิในคำว่า อธิฏฐิ นาม นั่น โดยอรรถ คือเหตุ ย่อมมีเมื่ออย่างเดียว ด้วยอำนาจแห่งวัตถุปัจจัยต่าง ๆ กัน เพราะเหตุนี้เพื่อแสดงความแตกต่างกันนั้น แห่งอธิฏฐินั้น พระผู้มีพระภาคจึงตรัส คำว่า อุตตารี อธิฏฐานี วิวาทอธิฏฐิ ดังนี้
ถามว่า "ก็อธิฏฐินั้น ย่อมเป็นอันเดียว ด้วยอรรถคือเหตุอันใด อรฺธิอุคเหตุอันนั้นเป็นอย่างไร ?"