ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ค) - ดูอัดสนับปลาสากแปลง ภาค ๑ - หน้าที่ 362
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว ให้เป็นผู้หัวร็อยยะ
[ว่าด้วยองค์แห่งภูมิปัญญา]
ในคำว่า โยน อนุกามติ เป็นต้น มีวิจารณ์อย่างนี้:- ภิกษ์ผู้
กระทำวัตถุบนัตถุ หรือกนดนบน่อน ด้วยอาณาแห่งความโลก
ชื่อว่า ย่อมถึงความละเอียดยิ่งเพราะชอบกัน. เมื่ออารมณ์ผู้อื่นด้วยอาราม
แห่งโทษว่า "ภูมินี้ไม่รู้เม็บเลย ไม่รู้เนีย" ชื่อนว่า ย่อมถึง
ความละเอียดยิ่งเพราะโทษ. เมื่อถึงความเป็นผู้ลังผลและหลงลืมสติ
ด้วยอาณาโมหะ ชื่อว่า ย่อมถึงความละเอียดยิ่งเพราะหลง. เมื่อไม่
อาจจะทิ้งเพราะกลัวภูมิโป่ย ชื่อว่าย่อมถึงความละเอียดยิ่งเพราะ
กลัว. ภิกษุผู้มักจะทำอย่างนี้ นับถือสิทธาสาวยรว่า ย่อมไม่ถึงความ
ละเอียดยิ่งเพราะชอบกัน ฯ ฯ ย่อมไม่ถึงความละเอียดยิ่งเพราะกลัว.
สองบทธ อนุโมตุ กตวา ได้แก้ ไม่นึกทำให้มีหมาย.
อธิบายว่า "ภูมุผู้ถึงรัฐปะนั้น หลบตาแล้ว ไม่เหลืออุดจดจุก
คือไม่กำหนดหมายที่ตด พึงทิ้งให้ตกไปในแม่น้ำ ในเขา หรือใน
พุ่มไม้" ในประกยะแม่อุปกิพลึงเถิดอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ก็ตรัสสอนการบริโภคโลหะ อุปกิพลหลายโดยปรัยย. กรรมบริโภค
ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากรปะนั้น ย่อมไม่สมควรแก่ ภูมุผู้รับ
รปะนั่นฉะใด, ปัจจัยที่เกิดขึ้น เพราะการอวดอุตรึมสุรามอันไม่มี
จริงก็ดี เพราะกุลลกกรรมดี เพราะการหลงเป็นตันดีดี ย่อม