ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ตอน) - ดูดอาสนคาปกาแปล ภาค ๑ - หน้า ที่ 173
เป็นผู้ต้องธรรม คือ ปราชญ์ ท่านเป็นผู้มีใจสมะ เป็นผู้มีใช่
เหล่าออแห่งกายบุตร, ไม่มีอุบาสก ปาริชาติ หรือล้ำสงฆ์ร่วม
กับท่าน" ต้องสังฆามิสุทก ๓ คำพูด
ที่ในคำว่า ฤดูโต มยา กฤติโจ เป็นต้นนี้ ผู้ศึกษาพิทราร
ความที่มัยัรยหัสนั้น เป็นผู้มีส่วนอื่น ด้วยอำนาจแห่งมัยัรย ผู้ไม่
เหมือนกันและกันนั้น ๆ มีลักษณะสูง หรือ ที่ตนได้เห็นแล้วเป็นต้น
และความที่มัยัรยหัสนั้น เป็นอิทธริย์ ด้วยอำนาจแห่งความเป็นผู้
รองรับบัญญัติ คือ ชาติฤยัรยรยรบ ผู้ศึกษาพิทรารโยชนาในบททั้งปวง
โดยอุบายนั้นแน่
พิทรารบิรินิจฉัยในปฐลเสนเทศ ดังนี้:- มาตรดินเหนียว
มีสัญลักษณ์งาม มีผิวเรียบสนิทสีเหมือนแดงร่า คละกับบาตรโลหะ
ท่านเรียกว่า "มาตรเคลือบ" มาตรดินตามปกติ ท่านเรียกว่า
"มาตรดินธรรมดา" ก็เพราะตรัสสนเทเทศแห่งละ คือ อาบัติไว้โดย
สังเขปด้วยขบกันเท่านั้น; ฉันนั้น เพื่อแสดงเสลส คืออาบัติแม้นนั้น
โดยพิสดาร พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่าเป็นต้นว่า "เราได้เห็นภิกษุผู
ต้องอาบัติสงฆ์มาเทศ" ดังนี้
ถามว่า "ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคจึงไม่ตรัสเทสนเทศแห่ง
เสลคือ อาบัติในอิทธริรณแห่งเสล คือ อาบัตินั้นเสียทีเดียว แต่กลับ
มาตรสนไว้ต่างหาก ในอิทธริรณแห่งว่า สงฆาธิษโล นี้ล่ะ?"
แกว่า "ก็เพราะในอิทธริรณแห่งเสล ไม่มีสภาคกัน."
จริงอยู่ นิธรณแห่งเสลทั้งหลาย ตรัสไว้ด้วยอำนาจแห่งการเห็น