ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ตอน) - ดูเอตส่วนตาปากกาเปล่า ภาค ๑ - หน้าที่ 182
ถามว่า "กี้ถ่าว่า มีกุลคลาบคน_mสัตว์_" เจาะจงภาพรูปหนึ่ง
บรรจบตรให้เต็มแล้ว ถามแก่อภิกษุรูปนั้น และเธอรู้คู่ว่า
มั่งสะกะทำเพื่อประโยชน์ตน รับไปแล้วจากอภิกษุอัน และ
รูปอันนั้น ฉันด้วยเชื่อกุญนั้น, ใครต้องอาบัติลา ?"
ตอบว่า "ไม่ต้องอาบัติแม้ทั้งสองรูป."
ด้วยว่ามังสะทำเฉพาะอภิกษุใด ไม่เป็นอาบัติแต่กุญนั้น
เพราะเธอไม่ได้ฉัน, และไม่เป็นอาบัติแต่กุญอันนี้ เพราะไม่รู้.
แท้จริง ในการรับปิยมะะะ ไม่เป็นอาบัติ แต่ก็อุ้มมิฉะนั้น ฉันมังสะ
ที่มรรคะจะทำเจาะจง ภายหลังรู้เข้า ก็ด้วยอาการแสดงอาบัติ ไม่มี.
ส่วนอภิกษุไม่รู้ ฉันกัปปิยมสะ แม้ภายหลังรู้เข้า พิษแสดงอาบัติ.
จริงอยู่ เป็นอาบัติเกิดกุญรู้แล้ว ฉันมังสะที่มาทำจะจง. และ
เป็นอาบัติเหมือนกัน แม้แก่อภิกษุไม่รู้ ฉันกัปปิยมสะ: เพราะเหตุ-_
นั่น ภิกุญูจะกลัวต่ออาบัติ เมื่อมีกำหนดครูปกรณ์ พึงถามก่อน
แล้วจึงรับประเคนมังสะ. จะรับประเคนด้วยใจตั้งว่า "ในเวลานั้น
เราจักถามแล้ว จึงจะฉัน" ควรถามก่อนแล้ว จึงฉัน.
ถามว่า "เพราะเหตุไร ?"
ตอบว่า "เพราะมังสะจะได้ก."_
ความจริง เนื้อมี ก็คล้ายกับเนื้อสุกร. เนื้อเสือเหลืองเป็นต้น ก็
เหมือนกัน เนื้อมดลูกเป็นต้น, เพราะเหตุนี้ พระอาจารย์ทั้งหลายจึง-
กล่าวว่า "การถามแล้วจึงรับประเคนนันแน๖ ฟ้อนรำเนียม."