ทฤษฎีความเป็นชู้และภรรยา ทุติยสมันตปาสาทิกา ภาค 1 หน้า 77
หน้าที่ 77 / 450

สรุปเนื้อหา

บทนี้อธิบายถึงความหมายของคำว่า 'ชารุตตนา' เชื่อมโยงกับความเป็นชู้และความเป็นภรรยา โดยมีการอธิบายถึงวิธีการแสดงความประสงค์ระหว่างชายแก่หญิง ด้วยการกล่าวถึงการมีความสัมพันธ์ทั้งสองลักษณะในฐานะของภรรยาและชู้ ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างคำสองคำนี้ พร้อมยังกล่าวถึงความเป็นผัวและสามีในการสื่อสารระหว่างเพศชายและหญิง ด้วยการเรียกร้องความจำกัดในเรื่องความรักชั่วคราวและสิ่งที่เกิดขึ้นในวรรณกรรมไทยอย่างละเอียด.

หัวข้อประเด็น

-ทฤษฎีความรัก
-ความเป็นชู้
-ความเป็นภรรยา
-วรรณกรรมไทย
-การสื่อสารระหว่างเพศชายและหญิง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - ทฤษฎีสนับปาสากาเปล กาด - หน้าที่ 77 บทว่า ชารุตตนา คือ ในความเป็นชู้. อธิบายว่า เมือ้อภิญญ บอกความประสงค์ของชายแก่หญิง ชื่อว่ามบอกในความเป็นชู้. อีกนึ่งหนึ่ง เมือ้อความประสงค์ของชายนี้และแก่หญิง ชื่่อวา บอกในความเป็นเมีย. คือ ในความเป็นภรรยาถึงตามกฎหมายข้าง ในความเป็นชู้ คือ ในความเป็นมิจฉาจาระ. ก็เพราะว่ากิญ เมื่อบอกความเป็นเมียและชู้ จะต้องกล่าวคำนี้ว่า " นัยว่า เธอจักต้องเป็นภรรยาของชั้นนั่น, ฉะนั้น เพื่อแสดงอาการ แห่งความเป็นอื่นคำนี้จึงต้องกล่าวนั่น จิตราสบกานชนะแห่งบ ทั้งสองนั้นว่า " คำว่า ในความเป็นเมีย คือ เธอจักเป็นภรรยา, คำว่า ในความเป็นชู้ คือ เธอจักเป็น" ดังนี้. โดยอุบายนี้นะแล แม้ในการบอกความประสงค์ของหญิงแก่ชาย บัดนี้ก็ทราบอาการก็คือว่า " เธอจักเป็นผัว, เธอจักเป็นสามี, จักเป็นชู้." สองบทว่า อนุตตโม ตูณภิญาโย มีความว่า หญิงที่พระผู้มี พระภาคตรัสเรียกว่า ดังนี้น คื อ ในขณะนั้น คือ เพียงชั่วครู่, ความว่า เป็นเมียเพียงชั่วคราว โดย กำหนดอย่างต่ำที่สุดทั้งหมด. เมื่อบอกความประสงค์ของชาย อย่างนี้ว่า " เธอจักเป็นเมียชั่วคราว " แก่หญิงแม้นนั้น ก็เป็นสังฆา- ทิสสต. โดยอุบายนี้นะแล แม้บิกผู้บอกความประสงค์ของหญิง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More