ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(ตอน) - ดูข้อความบนปากกาแปลง ภาค ๑ - หน้าที่ 154
จำเลยและโจทก์แล้ว พึงทราบวินิจฉัยด้วยสามารถแห่งเมืองต้น ท่าน
กลางและที่สูงเป็นต้น เพื่อรู้ความสมบัติเบื้องต้นแห่งการ โจทก์นั้นเอง
คืออย่างไร? คือ การโจทก์อะไรเป็นเบื้องต้น มีอะไรเป็นท่ามกลาง
มีอะไรเป็นที่สุด
ขอโอกาสว่า " ข้าพเจ้าใครจะกล่าวทะท่าน. ขอท่านผู้มีอายุ
จงทำโอกาสให้แก่ข้าพเจ้า" ดังนี้ ชื่อว่า เบื้องต้นแห่งการโจทก์.
การโจทก์แล้วให้จำแนกให้การตามวัตถุที่ขึ้นบรรยายฟ้องแล้ว
วินิจฉัย ชื่อว่า ท่ามกลางแห่งการโจทก์.
การระงับด้วยให้จำแนกอยู่ในอาบัติ หรือ อนาบัติ ชื่อว่า ที่สุด
แห่งการโจทก์.
การโจทก์ มีค่าเท่าไร? มีวิตกุว่าไหม? มีภูมิเท่าไร? มีภูมิเท่าไร ?
การโจทก์มีดูด ๒ คือ มูลมิกเหตุ ๑ มูลไม่มีเหตุ ๑ (มูลมิกสุด
มูลไม่มีมูล ดี) มูลดูด ๓ คือ ได้เห็น ๑ ได้ยิน ๑ ได้รู้เกี่ยว ๑ มี
ภูมิ ๕ คือ จากพูดคามาก จักไม่พูดโดยกล่าวไม่ควร จักพูดตามจริง
จักไม่พูดโดยคำไม่จริง จักพูดด้วยคำอ่อนหวาน จักไม่พูดด้วย
คำหยาบ จักพูดอัดคำประกอบด้วยประโยชน์ จักไม่พูดคำที่ไม่
ประกอบด้วยประโยชน์ ๑ จักมีจิตประกอบด้วยเมตตาดูด จักไม่เพ่ง
โทษพูด ๑
กิในการโจทก์นี้ บุคคลผู้เป็นโจทก์ พึงตั้งอยู่ในธรรม ๔๕ อย่าง
ที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในอุปาลิเอว โดยนัยเป็นต้นว่า "เราเป็น
ผู้มีกายสมาจารบริสุทธิ์หรือหนอเลย" ผู้เป็นจำเลย พึงตั้งอยู่ในธรรม