ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(ตอน) - ดูดเสียงนกกาเปล ภาค ๑ - หน้าที่ 114
เป็นอาบัติ, สามเณรร่วมกันทำ, ยังรักษาอยู่ตลอดเวลาที่
ยังไม่ได้แบ่งกัน, แจกันโดยนิยก่อนแล้วช่วยกันทำ เป็นอาบัติ
แก่มุด
[อนาปทิตวรรณนา]
ในคำว่า อนาปตฺติ เลข เป็นต้น มีวิจิจฉังดังนี้:- ไม่
เป็นอาบัติ แก่ภิญญะผู้กระทำแต่เป็นใหญ่ เพราะการฉาบในถิ่นนี้
ไม่ชื่อหมองกัน สำหรับภิญญะผู้กระทำแต่ปัญหา คือ อุคเหติอิติ
อุคเหติอคี อุคเหติอคี อุคเหติอคี แมให้หญิงไม่เป็นอาบัติ.
ว่า ตินูนฺกฺโข มีความว่า ปราสาทแม่มิดพื้น ๑ ชั้น แต่
หลังคามุงด้วยหญ้าและใบไม้ ท่านก็เรียกว่า กูฏกุญเญ. แต่ในอรรถกถา
ทั้งหลาย ท่านเรียกกูฏนี้ว่าทำหลังคาให้ประสานกูฏของช่าย ด้วย
ไม้ระแนงทั้งหลาย แล้วมุงด้วยพวกหญ้าหรือใบไม้กันแล้ว "เรือน
เล่า"ว่า "ไม่เป็นอาบัติในพระกูฎที่มุงแล้วนั้น. จะทำเรือน
หลังคามุงหยูกแม่ให้ใหญ่ ก็อุร. เพราะว่าวิทย์มีโบกปูนปู
ภายในเป็นต้น เป็นลักษณะแห่งกูฎ. และภาวะมิปลาอุบาปนภายใน
เป็นดังนั้น บันลิติพึงประมาณว่า "พระผู้พระภาคตรัสมา ถึงหลังคา
เท่านั้น."
ก็ตัวว่า " หญ้าและใบไม้แห่งโรงงรมงพังลง... คุ้อนภิญญุ
ทั้งหลาย ! เราขอคาถเพื่อกำหนดการโบกปูนทั้งภายในและ
ภายนอก" เป็นต้น เป็นเครื่องสาธาในภิกษุนีนี้. เพราะฉนั้นเรือน
หลังใด มีปี่สองข้าง หรือ ตีดดอก กลม หรือ ๔ เหลี่ยม ดูรัสเป็น