ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค (ฉบับนี้)
หญิงใด ย่อมอยู่ด้วย โภคะ; เหตุฉนั้น หญิงนั้น ชื่อว่า โภค-วาสินี. คำว่า โภคาวาสินี นั้น เป็นชื่อแห่งหญิงในชวนหญิง ผู้ได้อุปกรณ์ แห่งเรือน มีครกสากเป็นต้น แล้วเข้าถึงความเป็นภรรยา.
หญิงใด ย่อมอยู่ด้วยแผ่นผ้า; เหตุฉนั้น หญิงนั้นชื่อว่า ปฏวาสินี. คำว่า ปฏวาสินี นั้น เป็นชื่อแห่งหญิงใจผู้ได้เพียงผ่านมามัง ผ้าห่มบ้าง แล้วเข้าถึงความเป็นภรรยา.
คำว่า โอทปุตตกิณี นั้น เป็นชื่อแห่งหญิงผู้ที่ผู้อายุยั้งมือของ คู่ว่ารายให้จุ่มลงในอาณำ ถาดเดียวกัน แล้วกล่าวว่า- "เจ้าทั้ง 2 จงปรองดองไม่แตกกันดูซิ่นนี้เกิด" ดังนี้ แล้วกำหนดคือเอา. แม้ ในเทพแห่งนงว่า โอทปุตตกิณี นั้น พึงทราบเนื้อความอย่างนี้ว่า " ญาติใหญ่นั้น จับชวนให้ร่วมกันกับหญิงนั้น แล้วให้อยู่."
เท็จของสตรีนี้อันบูรณาถล คือ ปลงลงแล้ว; เหตุฉนั้น สตรีนั้น ชื่อว่า โอภาภูมพฤกษา, คือ บรรดาสตรีทั้งหลาย มีศรีฐานิฟัน เป็นดัง คนใดคนหนึ่ง. คำว่า โอภาภูมพฤกษา นั้น เป็นชื่อแห่งสตรี ผู้ที่บูรณอกริตลงกาสิระ แล้วให้อยู่ในเรือน.
บทว่า ทาสี จ ได้แก่ สตรีเป็นทั้งภี ท้งภรรยาของตน. สตรีผู้ทำงานในเรือนเพื่อค่าจ้าง ชื่อว่า สตรีทำการงาน, บุรุษบางคน ไม่มีความต้องการดิ้อรราชของตน จึงสำเร็การครองเรือนกับสตรี นั้น. สตรีนี้ ท่านเรียกว่า " สตรีผู้การงานด้วย เป็นภรรยาด้วย."
สตรีผู้นำมงแล้ว ชื่อว่า ธาราหฤก, มี่คำอธิบายว่า " สตรีผู้ อันกองทัพของขึ้นแล้วไปโบ้มตีเตนชนของปรปักษ์แล้วนามมา." บรุษ