ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค(ค) - ทุ่งสมันปลาสกากาเมเปิล ภาค ๑ - หน้าที่ 116
ข้อว่า วาสาการี รเปฏวาม สุพฤกษ มีความว่า ภิกขุให้สร้างอาคารอื่น เว้นอาคารเพื่อประโยชน์เป็นที่อยู่ของตนเสมอ
ว่า "จักเป็นโรงโบสถ์ตาม เป็นเรือนในคลัง ตาม เป็นโรงไฟตาม" ไม่เป็นอาบัติในเพราะอาคารทั้งหมด มีโรงอุบสถเป็นต้น. ถ้าแม้นภิกษุนี้ มีความรำพันในใจว่า "จักเป็นโรงอุโบสถด้วย เราจักอยู่ด้วย" ดังนี้ ก็ถือว่า "จักเป็นเรือนไฟด้วย" จักเป็นศาลากันด้วย... จักเป็นโรงไฟด้วย เราจักอาศัยด้วย" ดังนี้ ก็ถือว่า แม้เมื่อให้สร้างโรงอุโบสถเป็นต้น เป็นอาบัติแน่. ในมหาปจิราติ ท่านกล่าวว่า "ไม่เป็นอาบัติ" แล้วกล่าวว่า "เป็นอาบัติแก่ภิยก ผู้สร้าง เพื่อประโยชน์แก่เรือนเป็นที่อยู่ของตนเท่านั้น."
บทว่า อนาถตูติ มีความว่า ไม่เป็นอาบัติแก่ภิยกบูชา และแก่พวกภิยกชาวแคว้นอพพะ ผู้เป็นต้นบัญญัติเป็นต้น.
ในสมุฎฐานเป็นต้น พึงทราบวิธีฉันดังนี้:- สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน ๖ เป็นกฤษฎา และเป็นทั้งภัณฑะแและภิริยา. แท้จริง สิกขาบทนี้ ย่อมเกิดโดยการกระทำของภิยกผู้ให้สงฆ์แสดงที่ให้แล้วสร้างให้อ่วงประมาณไป, เกิดทั้งโดยการทำและไม่ทำของภิยกผู้ไม่ให้สงฆ์แสดงที่ให้แล้วสร้าง. เป็นโนสัญญาวิฬารวิกฤติาวัชชะ อติฏฐานะ ปณิติวิเวชชะกายกรรม วิจกรรม มีจิต ๓ มิวานา ๓ จะนี้แล.
กฎิกาทิสงฆาปทวรรณะ จบ.