ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมชายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนนั้น ควรน้อมนำมาปฏิบัติด้วยตนเองได้ทุกเมื่อ ซึ่งก็คือ โอปนยิกโก และเป็นเรื่องอันวิญญาณพึงรู้ได้เฉพาะตนคนเดียวด้วยการปฏิบัติ ซึ่งคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัตรรู้แจ้งจะพลอยตามรู้มาตามาเห็นด้วยหาได้ไม่ดั่งพระบาสี่ว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญาติ นั่นเอง
โครงการสืบค้นคำสอนดังเดิมจากคัมภีร์พุทธโบราณ นั้น จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนตามหลักการศึกษาวิจัยเชิงวิชาการ สำหรับคณะทำงานของสถานบันฯ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะสิ่งแรกที่ต้องทำคือการสร้างบุคลากรให้เป็นนักวิชาการทางพุทธศาสนา โดยเริ่มเรียนรู้ระบบการค้นคว้าแบบตะวันตก เพื่อให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลซึ่งเป็นที่หวังเหของสถาบันวิชาการระดับโลกต่างๆ ซึ่งคณะทำงานบ้างท่านต้องเปลี่ยนสายงานจากพื้นฐานความรู้ความถนัดที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ต้องนับว่าเป็นคุณปาการอย่างยิ่งของนักวิชาการตะวันตกสาขาต่างๆ ที่ได้รวบรวมและทำการศึกษาหลักฐานทางพระพุทธศาสนายุคต้นไว้แล้วเป็นเอกอนันต์ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ จารึกโบราณ นิรุกติศาสตร์ พุทธศาสนา ฯลฯ
และสำหรับด้านบริหารจัดการทางสถาบันฯ ก็ได้สร้างความสัมพันธ์ขององค์การทางวิชาการนานาชาติ เพื่อส่งเสริมงานด้านวิชาการ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และความทันต่อการเคลื่อนไหวของวงวิชาการ องค์กรทางวิชาการเหล่านี้ได้แก่ มหาวิทยาลัยชิงตัน สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยโอไฮโอ นิวยอร์ก มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ มหาวิทยาลัยคลาร์กนีย์ ศรีลังกา และมหาวิทยาลัยโอกามะ อินเดีย เป็นต้น และสิ่งที่ดำเนินการควบคู่ไป คือ การวิจัยค้นคว้าในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของพระพุทธศาสนาดั้งเดิม ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่สำคัญของสถาบันฯ ในงานวิจัยที่มุ่งเทอดเวลา