ข้อความต้นฉบับในหน้า
เนื่องๆ นั้นเป็นไฉนเล่า .... เห็นกายในกายเนื่องๆ อยู่ ถ้าเห็นเข้า แล้ว ทำให้อาตมา ปีรเทียว เพียรให้เห็นอยู่อย่างนั้น ไม่เผลอทีเดียว อาตมา สมชาโน รู้รอบคอบอยู่ เพรียแล้วก็รู้รอบคอบ สติมา มีสติด้วย ไม่เผลอ รู้รอบคอบไม่เผลอ วิเนย โลโก อภิ ชุมโทมนัสสุข ดอยกำจัดอธิษฐาน ความเพ่งเฉพาะอยากได้ และความโทษมั่นเสียใจ ... ไอ้ใจเสียใจและอย่าให้เล็ดลอดเข้าไปได้ดีเดีย (ร.ร. 574-5)
ข้อความ 2 คือ เวทนาสุ เวทนานุปัสสติ วิริยะ อาตมา สมป ชาโน สติมา วิเนย โลกา อภิชฌาโมมนัสสมใ เวทนาในเวลานา เนื่องๆ อยู่ มีความเพียรเป็นเครื่องเผยก็สให้เร่าร้อน มีความรอบคอบ มีสติมั่นไม่ฟันเฟือแนะภิษฐานโมนัสในโลกออกเสีย ไม่ให้ลอดเล็ดเข้าไปได้ นีส่วนเวลานา ฯลฯ (ร.ร. 575)
ในขณะทีพระสูตรสอนให้เห็นทุกสิ่งว่างเปล่า แต่ในเวลาเดียวกันก็สอนให้ "หมื่นระลึกถึงพระพุทธองค์บริบูรณ์ด้วยบุญลักษณะตั้งร้อย งดงามน่า ทัศนาดูภาพทองคำ และสร้างใจไปทั่วทุกทิศ" และสอนให้ "นอบน้อม บูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทั้งในอดีต อนาคต และปัจจุบัน ด้วยจิตที่เลื่อมใส ด้วยดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ อาหารและเครื่องดื่ม" หรือ "วาดภาพ พระพุทธองค์ขนาดใหญ่งงบนผืนผ้า ให้บริบูรณ์ด้วยพระลักษณะ งดงามดัง ทองคำไม่มีที่ติ" เป็นต้น ซึ่งจะมีอำนาจส่งให้เข้าถึง “สมาธิ” ได้อย่างง่ายดาย ด้วย ดังนั้นแหรัสันผู้เปล่าพระสูตรจึงวิจารณ์ไว้ว่า เป็นพระสูตรที่ประกอบ หลักคำสอนของสาย "เห็นพระ" ที่มหาสอนว่าพระพุทธเจ้าในพุทธกาล