ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อจับผ้าสังฆาฏิ เข้ามาพาดตัวนั่นให้ระลึก เนส สาวาต คือลมเผ้าไฟไร้ ให้ระลึกอยู่ในอธิษฐานบั้นแปร ตั้งอยู่เป็นดังผ้าสังฆาฏิพุพังอยู่ให้หายใจออก ได้ชื่อว่าพระอธิษฐาน นิสสาวาต เข้าทางนิโรธสมุทธ์สุขา ปลให้ได้หายใจออก เมื่อพาผ้าสังฆาฏินั้นให้ระลึกว่า เมื่ือก้ถตายนันกู้บังสุกูลตัวเอง ได้ชื่อว่าพระปฏิมตธรรม ได้แก่ นิสสาวาต นันแลให้สังวรความตายดังนี้ทุกเมื่อทุุกกาย จึงได้ชื่อว่ารักษาศิลและได้บรรดทั้งสีสวดั่งรุ่งเรืองงาม ผลังสี่เข้ามาอยู่ทั้งสี่เหลือ อันนันแล (ญาณก. 5.2-5.5) นิสสาวาต สภาวะที่สำคัญในการปฏิบัติที่ท่านแสดงไว้ในที่นี้คือ ลมินิสสาวาต (นิสสาวาต) ที่เปรียบเทียบว่าเป็นลมแห่งอธิษฐาน โดยแสดงนัยของโลกฏธรรม มีมาว่าระนิเหมือนผ้าสังฆาฏิที่พบไว้ ในขณะที่อิสสาวาต และนิสสาวาต ท่านเปรียบว่าเป็นลมของสุติต้นธรรมและวินัยธรรมตามลำดับซึ่งมีนัยของธรรมชาติ คือการหายใจเข้าออกตามปกติ ผู้ถืออิสสาวาตคือสภาวะที่หยุดหยใจ จะปิดการรับรู้จากภายนอก และเข้าสู่ “อธิษฐานสุขาภิบาล” ซึ่งอาเปรียบเทียบได้กับนิสสาวาตที่ตัดการรับรู้จากภายนอกโดยสิ้นเชิง ผลจากการปฏิบัติ ถ้าผู้ปฏิบัติทำหนดจิตไวที่สภาวะก็จะได้โสตปติผล เมื่อเคลื่อนจิตไปหัวใจจะได้สัมภาษณ์ผล หากเคลื่อนไปที่อาณามคามผล และสุดท้ายหากไปอยู่ที่กระหมอมหร็มก็จะได้อารผผล (ญาณก. 6.4) บทที่ 4 เอเชียกนีย์ | 403