ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมาภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
ที่นิยมกัน คือคัมภีร์พระธรรมบท4 มงคลทิพธ์นี้ และสารสังฆะ5 ท่านก็เล่าเรียนตามที่นิยมกันในสมัยนั้นจนมีความชำนาญและสอนผู้อื่นได้ เฉพาะมูลกังจายน์ ท่านได้เรียนถึง 3 รอบ
การเรียนแปลคัมภีร์ในคัมภีร์นี้ยังนิยมศึกษาจากคัมภีร์โลวานที่จารจู๋ ด้วยอักษรชอ ผู้เรียนเลือกบทเรียนตามความสมัครใจและต้องเดินทางไปเรียนตามวัดต่างๆ ที่ภูมิของพระอาจารย์ ผู้ที่ได้ศึกษาจะเรียนเพิ่มเติมในบทเรียนของผู้อื่นไปด้วยก็ได้ ซึ่งนอกจากจะนำคัมภีร์ที่ตนเรียนติดตัวไปแล้วยังต้องนำคัมภีร์อื่นๆ ติดตัวไปเพื่อจะได้บทเรียนของคนอื่นด้วย พระภิกษุตกเป็นเช่นนั้น ท่านแบกคัมภีร์โลวานไปเรียนที่ละหลายผูก ฉันเข้าเสร็จแล้วข้ามฝากไปเรียนที่วัดอรุณราชาธาราม กลับมาตอนเมื่อวัดแล้วไปเรียนที่วัดมหาธาตุฯ ตกเย็นไปเรียนที่วัดสุขศรีฯ บ้าง วัดสามปลั่งบ้าง และตอนค่าเรียนที่วัดพระเชตุพนฯ บ้าง สลับกันไป ท่านตั้งใจเล่าเรียนโดยมีเป้าหมายว่า จะเรียนจนกว่าจะมีความรู้เพียงพอที่จะเปลิกคัมภีร์ในงานมหาสติปุนฐานยาวได้ดังจะหยุดเล่าเรียนคันธรร
4 หมายถึงพระคัมภีร์ ธรรมมุปถุธกา อรรถกถาภาษาบาลีของคัมภีร์ธรรมบทในฎูกทกนิกาย นับตันประกอบด้วย ภาคที่ 1-4 และปั้นปลาย ภาคที่ 5-8 ซึ่งต่อมาได้ใช้เป็นบทเรียนวิชาเปลกบาลีของเปรียญธรรมประโยค 1-2 และ 3 ตามลำดับ
5 หมายถึงคัมภีร์มูลคุตฺตุเทนโดยพระสิริมงคลสารพุฒ โดยพระนันทาราชย์แต่งในเมืองเชียงใหม้ทั้งคู่ ต่อมามูลคุตฺตุเทนนี้ได้มาเป็นบทเรียนวิชาเปลกบาลีของเปรียญธรรมประโยค 4 จนถึงปัจจุบัน
6 แม้ว่าใน พ.ศ. 2431-2436 ในรัชสมัยของพระบรมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการคิดลอกตัวอักษรของในคัมภีร์บาลีฉบับนานพระไตรปิฎกออกมาเป็นอักษรไทยและพิมพ์เป็นหนังสือแล้วก็สามารถไว้เฉพาะพระอารามหลวง และมอบให้กับสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเท่านั้น มีได้เผยแพร่ทั่วไปรในประเทศไทย การศึกษาของพระภิกษุสามเณรส่วนใหญ่ในสมัยนั้นจึงอาศัยบาลีและสมุดข่อยอย่างที่เป็นมาแต่เดิม