ข้อความต้นฉบับในหน้า
II.594,Nd2A.31--32) ในบางแห่งท่านกล่าวถึงโลกุตตรธรรม 9 ว่าเป็นกายของพระตถาคต (SA.II.313, SnA.I.34, ThrA.II.205) ซึ่งผู้มุจิไม่บริสุทธิ์ไม่อาจจะมองเห็นได้ (ItA.II.115) และในบางแห่งท่านกล่าวถึงธรรมกายว่าเป็นอัตตา (CpA.332) และในยุคนี้เองที่เริ่มมีการตีความธรรมกายในฐานะที่เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ที่พระอานนททรงจำบ้าง (DA.I.34) แต่ยังมีอยูมากรว่าพุทธศตรวรรษที่ 16-18 ภูมิพระวินยสองฉบับกล่าวถึงธรรมกายโดยนิยที่แตกต่างกัน วิชพรภูมิภูมิกล่าวถึงธรรมกายในฐานะที่เป็นพระธรรมวินัยอันเป็นตัวแทนพระบรมศาสดาายหลังกว่าพุทธปรินิพพาน (VjB.15, 19) ส่วนสารัตถกิมเป็นภิญญายอดความมั่งคั่งระลึกนับจาก36ยังกว่า ถึงธรรมภายในแนวทางเดียวกันกับอรรถกถา เช่นกล่าวถึงการตรัสธรรมของพระพุทธองค์ว่าเป็นการเกิดด้วยธรรมกาย (SrD.I.211) กล่าวถึงธรรมกายว่าประกอบด้วยพุทธคุณ (SrD.I.310-1, 352) ซึ่งอธิบายสามารถมองเห็นได้โดยกรมบรรจุธรรม (SrD.III.299) และกล่าวถึงธรรมกายในฐานะที่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์บ้าง (SrD.I.126, II.166-7) โดยรวม ชาวพุทธเถรวาทแต่โบราณรู้จักธรรมกายในฐานะที่เป็นสภาวธรรมที่มีอยู่จริงและเข้าถึงได้ หรือในความหมายของพระพุทธคุณ หรือโลกุตรธรรม และมีความเกี่ยวโยงกับจิตที่สะอาดบริสุทธิ์และกับการตรัสรู้ธรรมของพระบรมศาสดาและอริยสาวก ภายหลังธรรมกายถูกกล่าวถึงในความหมายของพระธรรมวัณนี้เป็นตัวแทนพระศาสดาหลังพุทธปรินิพพาน (p.11)
33 อรรถกถาพระวินัยที่เรียบเรียงโดยพระพุทธโฆส
บทที่ 2 ข้อมูลพื้นฐาน | 101