ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมาภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
เป็นสิ่งที่ฉันแจ้งด้วยประสบการณ์ภายในได้จริง
ซึ่ง การที่ใครสักคนจะนำ “คำพูดในทางบริษัท” ที่กระจัดกระจายอยู่มึนนี้ร้อยเรียงเข้าเป็นลำดับประสบการณ์ในการปฏิบัติโดยการใช้จินตนาการนั้น ไม่ง่านจะเป็นไปได้ เพราะธรรมปฏิบัติและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจินตนามิใช่สิ่งที่เสกสรรขึ้นแต่งขึ้นได้ นิ่ง จากชีวประวัติของพระมงคลเทพมุนีที่แสดงไว้ในบทที่ 2 ก็เห็นได้ชัดเจนว่า ท่านมีใช้ในบริษัท แม้ว่าท่านจะตั้งใจศึกษาพระปฏิธรรมก็เพื่อให้สามารถศึกษาเกี่ยวกับธรรมปฏิบัติคือคัมภีร์มหาสติปฐฐานให้ได้เท่านั้น เมื่อมีความรู้พอที่จะเปลี่ยนคัมภีร์ดังกล่าวได้ ท่านก็หยุดการศึกษาค้นถุธะ หันหน้าสู่วิปัสสนธุรณะเพียงอย่างเดียว ดังนั้นโอกาสที่ท่านจะได้ศึกษาคัมภีร์ต่าง ๆ มาถมอดีที่ปรากฏในงานวิจัยนี้แล้วนำเอาร่องรอยแห่งประสบการณ์ภายในที่กระจัดกระจายอยู่ในคัมภีร์ต่าง ๆ จากหลายภูมิภาคมาร่วมเรี่ยร่องกันเข้าเป็นระบบปฏิบัติธรรมแบบหนึ่งด้วยความคิดสร้างสรรค์จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้ แหล่งที่มาของสิ่งที่ท่านสอนได้อย่างเป็นระบบในการปฏิบัติจึงจะเป็นสิ่งที่ท่านได้ค้นพบจากการปฏิบัติด้วยตนเอง
ซึ่ง หลักการเกี่ยวกับ “กายภายใน” มีความสอดคล้องกันกับหลักการในการเข้าถึง “โมมยภาย” หรือหลักการ “โมนยิทธิ” ที่กล่าวในพระไตรปิฎก (ดู 5.3.3.4) และการสอนของพระมงคลเทพมุนีได้เน้นให้ผู้คนจำนวนมหาศาลเข้าถึงประสบการณ์ตามลำดับดังที่แสดงไว้ข้างต้นได้ทั้ง ๆ ที่ในการสอนท่านจะเน้นให้หยุดใจอย่างเดียวโดยไม่ได้ชี้แจงว่าจะวางแนวปฏิบัติไปแล้วจะได้พบอะไรบ้าง (ดู 2.2.1) ประสบการณ์ในการปฏิบัติของผู้มาปฏิบัติ