ข้อความต้นฉบับในหน้า
นี้เคยประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาก่อน (Watters 1973, p. 183)
หลักฐานเหล่านี้บ่งชี้ว่าพระพุทธศาสนาน่าจะเคยไปถึงคันธารถตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว
ภายหลังจากการสังคายานครั้งที่ 2 นับเป็นฝ่ายบาลีกล่าวถึงพระสัมฤทธิ์สถาวะสีแระพระเกษะพระเกษะผู้ใหญ่ที่เป็นหลักในการสังคายานครั้งนั้นว่าท่านเผยแผ่พระศาสนาและจำพรรษาอย่างถาวรอยู่ที่เมืองกบิซะ ซึ่งก็คือ Bagram ในประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน (พื้น ดอกบัว 2554: 322) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนเดียวกันกับคันธรถ (Watters 1973: 199)
ส่วนในรัชสมัยของพระเจ้าธรรมราช มีตำนานกล่าวไว้ในคัมภีร์บาลี (VinA.I.64-6; MVๅม 69-70, SVๅม 181-3) สันตดล (Przyluski 1967: 55; Lévi 1932: 61-2) และภาษาฝรั่งเศ (Khosla 1972: 12 n. 101, 14 n. 5-6) ถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปถึงศรีสะเกษระ และเอเชียกลาง (VinA.I.63-64, MVๅม.68, ThVๅม.36) โดยระบุว่า ภายหลังจากการสังคายานครั้งที่ 3 พระโมคลิลบุตรสิทธิสดับมอบหมายคณะของพระมัชฌิมนิทิกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน กัลมีรัสระ และคณะของพระมหาราขิตไปเผยแผ่ในโยนกประเทศ ซึ่งหมายถึง แบกเทรีย (Cox 2003: 506) หรือดินแดนที่เป็นเมืองขึ้นของกรีกในเอเชียกลาง ตั้งแต่ตอนบนของอิร่าน อัฟกานิสถาน ไปถึงเทอร์กิสถานในปัจจุบัน (พื้น ดอกบัว 2554: 315, 322; Hassnin 1973: 12) รวมทั้งคณะของพระมัชฌิม พระกัสสปโครต พระทุนทุวิสาร และอีก 2 รูปให้ไปเผยแผ่ในดินแดน “หิมวันต์” ในขณะเดียวกัน มีรายงานการค้นพบหลักฐาน