ข้อความต้นฉบับในหน้า
คำแปล: กิฏฐุทั้งหลาย เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย สำหรับผู้ที่ร้าย ผู้ที่เห็นอยู่ มิโสสำหรับผู้ที่ไม่รู้ มิใช่สำหรับผู้ที่ไม่เห็น เราอ่อนกล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย... สำหรับผู้ที่อยู่ เห็นอยู่ ว่า นี่คือรูป นี่คือเหตุเกิดแห่งรูป นี่คือสัญญา นี่คือสังขาร... นี่คือวิญญาณ นี่คือเหตุเกิดแห่งวิญญาณ นี่คือความดับไปแห่งวิญญาณ อย่างนี้แล้ว เราอ่อนกล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายสำหรับผู้ที่อยู่ ผู้เห็นอยู่ เท่านั้น
ในเรื่องนี้ พระมงคลเทพมุนีแสดงธรรมไว้ในทำนองเดียวกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้และทั้งเห็น:
ฤๅขุ ญาณ ปัญญา วิชชา อโกโล ทั่ง 5 อย่างนี้ประมวลเข้าด้วยกัน รวมเป็นคำแปลของคำว่า พุโธ หรือจะแปลให้สั้นเข้าอีก คำว่า พุโธ ก็ยังต้องแปลว่า ทั้งรู้ทั้งเห็น ไม่ใช่เฉยๆ อายัติคำว่า จักขุ ญาณฺในบาสียทิยกลั้นกล่าวว่านเป็นเครื่องประกอบ ยิ่งกว่านั้นยังมีคำว่า ชานตา ปศสตฺ ฯ ในมหาสติปูฐานสูตรอยู่อีก ซึ่งเป็นเหตุสนับสนุนว่า ว่าพระพุทธเจ้ารั สั้นไม่ใช่เฉยๆ เป็นทั้งรั ทั้งเห็น (ร. 18)
ทั้งเห็นทั้งรู้อ นับด้วยธรรมภู รู้ด้วยญาณของธรรมภาย ญาณมีแต่ฉัน แต่กายมนุษย์ไม่มีญาณ มีแต่ดวงวิญญาณกายรูปปรมาณ กายรูปพรหมล ละเอียด มี but ดวงวิญญาณในกายอรูปพรหม กายอรูปพรหมล ละเอียด ก็ไม่มีญาณ มีแต่ดวง