ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
ท่านให้สร้างกุฏิที่พักสำหรับพระภิกษาสามเณรอย่างเพียงพอ มีเครื่องอำนวยความสะดวกพอเหมาะแก่วะของนักบวช
ในเรื่องอาหาร ท่านให้ตั้งโรงครัวของวัดขึ้นเพื่อดูแลอาหารการขับฉันของพระภิกษาสามเณรทั่วทั้งวัดไม่ให้ลำบาก และไม่ต้องบินหนา จะได้มีเวลาศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่
เรื่องการตั้งโรงครัวนี้ เป็นความตั้งใจของท่านมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาศึกษา พระปรีชาธรรมในกรุงเทพฯ ชีวประวัติของท่านหลายฉบับเล่าเหตุการณ์ว่า ในช่วงแรกที่มาศึกษาพระปรีชาธรรมที่วัดพระเชตุพนฯ ท่านลำบากมาก ออกบินหนบาตรสองวันแรกไม่ได้อะไรกเลย ท่าน คิดคำนึงว่า "ผู้มีศีลจะอดตายเช่นนั้น หรือ?" หากเป็นเช่นนั้นท่านยอมตาย เพื่อผู้อื่นจะได้ทราบว่ามีพระภิกษุอดอาหารถึงแก่มรณภาพ จะพากันส่งสารและถวายภัตตาหาร พระภิกษาสามเณรทั้งพระนครจะได้ไม่ต้องอดอีกต่อไป คิดได้ดังนั้นท่านจึงยอมอด ไม่หาสิ่งอื่นมาทดแทน ในวันที่สาม บิณฑบาตได้ข้าวหนึ่งทัพพี กับกล้วยน้ำว้านึ่งกลับมาถึงกุฏิด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะไม่ได้มา 2 วันแล้ว หลังจากที่ท่านนั่งพิจารณาอาหารด้วยปัจจเวกษ์เสร็จแล้วฉันข้าวไปคำหนึ่ง พอท่านเหลือไปเห็นสุขผ่อนท้องติดสันหลังเดินโชเซเพราะดอยากมานาน เกิดความสงสารจึงบ้นข้าวที่เหลืออีกคำหนึ่งกับกล้วยครึ่งผลให้ ก่อนให้ทานแก่สัตว์นั้น ท่านได้ธรรจูงใจว่า “ขึ้นชื่อว่าความอดอยากเช่นนี้ ขออย่าให้มีอีกเลย”
14 ปัจจเวกษ์ ในที่นี้คือการพิจารณาอาหารที่จะบริโภค เพื่อให้การขับฉันตรงตามวัตถุประสงค์ แท้จริงและไม่คืดในรสอาหาร เป็นการเกือกูดต่อการปฏิบัติธรรม