ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโบราณ ๑ ฉบับวิชาการ
อาหาร แปลว่าประมวลมา หรือเครื่องปรุงรส และแบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ ๑) กวิงการาหาร ๒) ผักสาหร ๓) โมโน้ตทาน ๔) วิญญาณาหาร
กวิงการาหาร หมายความว่าขาอาหารที่เป็นคำๆ เช่น คำข้าว ส่วนละเอียดของอาหาร คือโอชะ หรือที่เรียกกันใหม่ๆ ว่าวิตามินนั้นเข้าไปปรับเปลี่ยนร่างกาย จึงเป็นปัจจัยให้สัตว์ดำรงชีวิตอยู่ได้ (ธ. 32)
มนุษย์กินอาหารละเอียดกว่าสัตว์ที่กว่าจะเป็นชั้นๆ เช่น รายภรสมัญญานับยาบว่าพระมหัตถตรี พวกเทวดากินอาหารละเอียดกว่านมนุษย์ อย่างที่เรียกว่าทิพย์ก็คือโอชะ ส่วนละเอียดของอาหาร พวกพรหมละเอียดยิ่งกว่าทวดอีก มีจักรวรรดิยอปรนเปล่า แม้แต่ชื่นรูปพระหมอ อรูปพรหมขึ้นไป คือถึงชั้นนิพพานก็มีอาหารส่วนละเอียดไปหล่อยั่งเช่นเดียวกัน อาหารละเอียดเป็นที่สุดแต่ยังอยู่นอกโลก นี่เป็นการสาวหาหตุผลประกอบเป็นลำดับชั้นไป มีใช่ตำรับตำราโดยตรง (ธ. 32-3)
การกินอาหารของพวกเทวดามีอาการเหมือนเราฝัน แล้วก็มีความอึ่มอิ่มไปตามระยะเวลา แต่ระยะเวลานานกว่ามนุษย์ต่างกันเป็นลำดับชั้นไป (ธ. 33)
จากพระธรรมเทศน่านี้ จะเห็นว่า ในหลักการของจิตชาตธรรมกาย กายมนุษย์ยังต้องหล่อเลี้ยงด้วยอาหารหยาบ และกายทิพย์ยังต้องหล่อเลี้ยงด้วยโอชะของอาหาร ส่วนกายอื่นๆ หลังจากนั้น มีอาหารหยาบหายหล่อเลี้ยง