ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์ฑูตโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
ในท่านองเดียวกัน พระมงคลเทพมุนีได้แสดงธรรมให้เห็นชั้น 5 ตามความเป็นจริงและเบื่อหน่ายในทุกข์ ให้ติรสระลึกถึงอามนั่นไว้เนื่อง ๆ เพื่อให้เหน่ายและหลุดจากความยึดติดในชั้น 5 ว่า ที่บอกแล้วในบุญขันธ์ทั้ง 5 นะ อายที่เกิดของมันนะ อายที่เกิดเวลาใด ปรุงให้เกิดขึ้นเวลาใด ก็เป็นสังขารเวลาโน้น ที่เรียกว่าสังขารนะ ปรุงให้เกิด ปรุงให้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นอัตตะ สังเสทะ ชาลพุชะ อุปาปกะ 5 กำเนิดใน 5 กำเนิดนี้แหละ เรียกว่า สังขารทั้งนั้นนะ ปรุงให้เป็นขึ้น สังขารทั้งหมดหลายเหล่านั้นแหละ ถ้าเห็นตามปัญญา หมดทั้งสภาวโลกไม่เที่ยงเสียเลย เห็นว่าไม่เที่ยง เมื่อใดเห็นว่าไม่เที่ยง ก็เมื่อนั้นย่อมเบื้องในทุกข์ว่าไม่เที่ยง เมื่อใดเห็นว่าไม่เที่ยง ก็เมื่อนั้นย่อมเบื้องในทุกข์ว่าไม่เที่ยง ว่าเวียนว่ายตายเกิดอยู่นี้เอาที่จบที่แล้วไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วละก็ จิตนันก็ปล่อยหมด ความยึดถือมันในบุญจันธ์ทั้ง 5 มันก็ปล่อย ไม่หวั่นไม่ไย ไม่อาลัย เพราะเห็นจริงตามจริงเสียหนึ่งนั้น อายเห็นจริงตามจริงเช่นนั้นนั่น อายทางนั้นจำเอาไว้ จำเป็นรอยใจเอาไว้ อย่าให้ปลิวเชียว นี้ก็ราไป ค่ามิดี ดีกันดี เที้ยงคืนอย่างไรนิ ก็ไว้รำในก็ถึงความเกิดดับเหล่านั้น ก็เมื่หน่ายจากทุกข์ อายที่บ่อนำจากทุกข์นั้นนะ จิตบริสุทธิ์ (รธ. 136)
แม้ว่ในพระคัมภีร์กล่าวถึงการหน่ายในชั้น 5 แต่พระมงคลเทพมุนีกล่าวถึงการหน่ายในทุกข์ แต่ก็อุทิศอันเนื่องด้วยอุปาทานขันธ์ 5 นั่นเอง ความแตกต่างของสิ่งที่กล่าวในพระคัมภีร์กับสิ่งที่กล่าวไว้โดยพระมงคลเทพมูจึงเป็นเพียงเรื่องของพยัญชนะ แต่อในส่วนของอรรถะแห่งคำสอนนั้นตรงกัน