ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
2.4.5. ชนิดนะ จันทราศรีโค “ธรรมกายในพระพุทธศาสนายุคดั้งเดิม”
ในปี พ.ศ. 2551 วิทยานิพนธ์ปรัชญาของชนิดนะ จันทราศรีโค ในหัวข้อเรื่อง “Early Buddhist Dhammakāya: Its Philosophical and Soteriological Significance” (Jantrasrisalai 2008) ศึกษาเรื่องของธรรมกายในพระพุทธศาสนายุคดั้งเดิม โดยอาศัยพระไตรปิฎกเป็นแหล่งข้อมูลหลักและพระไตรปิฎกจีนในส่วนของอาคตมะ31เป็นส่วนเสริม โดยศึกษาความหมายและการใช้งานของคำว่า “ธรรม” “กาย” และ “ธรรมกาย” ที่พบในพระไตรปิฎกฉบับดั้งเดิม
ในการศึกษาความหมายและการใช้งานของ “ธรรม” ในพระไตรปิฎกบาอธิบายไว้ในความหมายที่แตกต่างหลากหลาย ผู้วิจัยได้แยกแยะสองความหมายของ “ธรรม” ที่มีความสำคัญต่อการศึกษาคำว่า ธรรมกาย นั่นคือ ธรรมในความหมายของ “สภาพธรรมที่มีอยู่จริงและเข้าถึงได้” กับ “คำสอน” ซึ่งแม้จะเป็นความหมายที่แตกต่างกันแต่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นแฟ้นมาตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา32
_____________________
31 พระไตรปิฎกจีน เก็บรักษาคำสอนของนิยากหลักทั้ง 18 หรือ 20 นิกาย รวมทั้งคำสอนของมหายานด้วย ส่วนนี้เป็นพระสูตรของนิยายหลัก เรียกว่า “อาคตมะ” (ดูนิยายใน 1.4) การศึกษาคำสอนดั้งเดิมในที่นี้ได้ศึกษาเนื้อหาของคัมภีร์ในส่วนอาคตมะเท่านั้น ไม่ได้ใช้พระสูตรมหายาน
32 ธรรมในความหมายทั้งสองนั้นปรากฏในพระสูตรของพระอรหันต Buddha คำว่ “ธรรมที่เราได้รับบรรลุแล้วนั้น ลักษณะ เห็นได้ง่าย รู้ตามได้ง่าย สงบ ประณีต ไม่เป็นวิสัยแห่งร้อน ระเอียด บันฑิตจะรู้ได้” ฯลฯ (ว.ม. 1/7/8, มม. 12/321/323, ส.ส. 15/555/200) ในพุทธศาสนานี้ คำว่า “ธรรม” ในข้อความว่า “ธรรมที่เราได้รับบรรลุแล้วนั้น” หมายถึงสภาพธรรมที่มีอยู่จริงและเข้าถึงได้ ส่วนในข้อความว่า “ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม” นั่น คำว่า “ธรรม” หมายถึงคำสอน ซึ่งนั้นไม่ว่าเป็น “คำอธิบายของธรรมที่เข้าถึงได้” (verbal expression of the reality) มีนัยความเน้นบ่งชี้ของ “ธรรม” ในทั้งสองความหมายนี้นำมาซึ่งความสัมพันธ์และดุลยภาพในความหมายของ “ธรรมกาย” มาโดยตลอด และอาจเป็นที่มาของการตีความคำว่า ธรรมกาย ว่าหมายถึงคำสอนในภายหลัง