ข้อความต้นฉบับในหน้า
คาถาที่ 21 ความรู้สึกที่อุ้มกับพระพุทธเจ้าไม่เคยจางหาย ไม่พรากจากไปแม้ในยามเจ็บป่วยใกล้จะละสังขาร จึงไม่ถูกครอบงำด้วยทุกขเวทนา
ลำดับของสภาวะใจหรือการปฏิบัติที่กล่าวไว้ว่าจากคาถาที่ 13 มาถึง 20 เสมือนจะบ่งบอกถึงการปรับเปลี่ยนสภาวะของใจจากการบริการนิมิตในเบื้องต้นเข้าไปสู่สภาวะธรรมที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น คือเข้าสู่ความว่าง และในที่สุดก็รับรู้พระองค์ผู้เป็นนายของโลกตลอดคืนและวัน
คล้ายสิ่งกันกับลำดับประสบการณ์ที่กล่าวถึงในวิชชาธรรมกายที่เปลี่ยนจากบริการนิมิตในเบื้องต้นเข้าไปสู่เหตุว่าง ก่อนที่จะเข้าสภาพะที่ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการว่างในว่างเข้าตามลำดับ ดังนั้นภาพที่เห็นในภายหลังจึงเป็นภาพใหม่ที่เกิดขึ้นเองจากสมาธิ มีได้เกิดจากการนึกเอาเองอย่างบริการนิมิตในเบื้องต้น
ในเมื่อสติปัญญาทั้งสามถูกส่วนพร้อมกันเข้า เกิดเป็นดวงใสซึ่งเท่ากับไข่แดด หรือเท่ากว่าจันทร์ ดวงอาทิตย์ ใสรุ้งสุรี สนิทเหมือนกระจกส่องเงานั้นแหละ ธัมมานุปัสสนาสติปฐฐาน ดั่งนี้ท่านเรียกว่าพระธรรมดงแก้ โบราณท่านใช้แปลในลูกจาจายว่า "ปฐมมรร" ในกลางธรรมดงนี้แหละคือดวงศีล เพราะอยู่ในเหตุว่างของธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ใสรุ้งไม่มีราศี ตาของทิพย์เห็น ต้องเอาใจของตนจดลงที่ตรงกลางดวงศีลนั้น ทำใจให้หยุดนิ่งแต่พอถูกส่วนเข้าใจ ก้ละเอียดยิ่งกว่าดวงศิษย์ ดวงศิลา่ว่าออกไปเห็นดวงสมาธิ เอาใจหยุดนิ่งลงไปที่กลางดวงสมาธิ แต่พอถูกส่วนเข้าใจ ก็ละเอียดยิ่ง