ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมยกในคัมภีร์พูทธิโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
มรรคในายหลัง (ส.ค. 17/126/82 ตรงกันกับ ม.ฎ. 14/106/90)
ข้อความที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกฉบับนี้ กล่าวถึง “มรรถ” ในสองความหมาย กล่าวคือ ในตอนแรกว่าพระองค์ทรงทำมรรถที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้นนั่นบ่งบอกความหมายของมรรถในฐานที่เป็นสถาวรรที่ทรงเข้าถึงจากการปฏิบัติธรรมของพระองค์เอง ส่วนที่กล่าวว่าพระพุทธองค์ทรงแสดงมรรถและพระสาวกดำเนินตามมรรถนั้น เป็นการกล่าวถึงมรรถในฐานที่เป็นคำสอนและข้อปฏิบัติที่รงบัณฑิตเป็นแนวทางแก่พระสาวก ท้ายที่สุดในข้อความว่า “พระสาวกถึงพร้อมด้วยมรรถในายนายะ” นั้น เป็นการกล่าวถึงมรรถในฐานะของสถาวรร มรรถพระสาวกได้เข้าถึง อันเป็นผลของการดำเนินตามมรรถคือข้อปฏิบัติที่รงบัณฑิตไว้ก่อน ลักษณะเช่นนี้คือคล้ายคลึงกับการกล่าวถึง “ธรรม” ในฐานะที่เป็นคำสอนและสถาวรรที่เข้าสู่ได้ควบคู่ไป (ดูตัวอย่าง ม.ม. 13/509/461)
ส่วนข้อความที่พบในฉบับแปลภาษาจีนของสังยุคตคะที่ตรงกันกับสัทพุทธสุทรบาถิ นี นี้ แปลโดยท่านคัทธ รวา พ.ศ. 978-986 (ค.ศ. 435-443) กล่าวไว้คล้ายกัน แต่จะจงมากกว่า โดยบอกว่า พระองค์เป็นผู้ค้นพบ ทรงเข้าสู่ปัญญาของธรรมยกแล้วถึงพระสัมมาสัมโพธิญาณ และทรงแสดงพระสัทธรรมแก่พระสาวกเพื่อประโยชน์แก่การตรัสรู้ธรรมของพระสาวกต่อไป ดังนั้นพระองค์จึงทรงเป็น “สัมมาสัมพุทธะผู้ไม่มีใครเปรียบได้” (T99 2:19b21-c11)