ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
5. พระสูตรนี้ เน้นสูญญาตา คือ แม้จะกล่าวถึงพระ แต่เน้น การปล่อยวางและความเป็นของว่างเปล่าของสิ่งที่เห็นในสมาธิ โดยบอก ว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏเพียงในความคิดหรือภาพในดวงจิต ให้เห็นทุกสิ่งว่างเปล่า รวมทั้งองค์พระที่เห็นด้วย กล่าวคือ ในเวลาที่ลุกถึงพระพุทธองค์หรือใน เวลาาที่เห็นพระ ก็ให้เห็นโดยปราศจากสัญญาว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่อจริง (ภาสัญญา) และให้วางเปล่าจากความคิดด้วย แต่ในเวลาเดียวกันนี้เน้นความเป็นหนึ่งกับ สิ่งที่เห็นนั่นด้วย เช่นในฉับภาษาเชิงกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าก่อเกิดขึ้นโดย จิต และมีแต่จิตเท่านั้นที่มองเห็นพระองค์ พระองค์เป็นจิตของฉัน จิตเท่านั้น คือพระตถาคต จิตเท่านั้นเป็นกายของฉัน และพระพุทธองค์ก็มองเห็นด้วย จิต จิตเท่านั้นคือความรู้แจ้ง กระนั้น จิตนั้นก็ได้สาธารณะของตนเอง ฯลฯ” (3N-3O; Harrison 1990: 43-4)
6. ในการพัฒนาสมาธิให้ก้าวหน้า พระสูตรสอนให้ปฏิบัติสติปฏิรูปฐาน 4 โดยมิได้ใช้ความคิดพิจารณา กล่าวคือ “ตามเห็นภายในโดยไม่มีจิตคิดไป ในแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับกาย” “ตามเห็นเวทนาในเวทนา โดยไม่มีจิตคิดไปใน แง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับเวทนา” (15J; Harrison 1990: 125) เป็นต้น
หลักการดังกล่าวนี้ตรงกับคำสอนในวิชาชธรรมภายในอาศัยการหยุดนิ่งและตามเห็นเข้าไปตามลำดับ โดยมิได้เป็นการใช้ความคิดพิจารณาอย่างใด ดังที่พระมงคลเทพมุนีท่านแปลคําว่า “อนุปลี” อย่างตรงตัวว่า “เห็น เนื่อง ๆ” แทนที่จะกล่าวว่า “พิจารณา” อย่างที่นิยมกันทั่วไป ดังนี้
อิธ ภิกฺขเว ภิกขุ กาเย กายานุปสาสวีวิริยะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายที่ศึกษาพระธรรมวินัยของพระตถาคเจ้า เห็นภายในในกาย