ข้อความต้นฉบับในหน้า
ส่วนในวิชชาธรรมกาย เน้นความหยุดนิ่งของใจเป็นหลัก โดยสอนให้ “เห็นสัจแก่ตัวว่าเห็น” เพื่อไม่ให้ใจมีความยึดติดหรือผลักไสสิ่งที่มองเห็นในเบื้องต้นนั้น ใจจะได้ไม่กระเพื่อมและสามารถหยุดนิ่งต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น จนกว่าจะเข้าสู่จุดที่สามารถเป็นพั้งให้กับตนเองได้อย่างแท้จริง ซึ่งเมื่อลงตรงนั้นแล้ว ก็ยังคงต้องอาศัยหลักการเดิมคือ “หยุดใจนิ่งต่อไปในกลางของกลางด้วยใจที่ไม่กระเพื่อม” เพื่อให้เข้าสู่ธรรมะที่ละเอียดขึ้นไปตามลำดับ ดังที่พระเมงคลเทพมุนีได้กล่าวไว้ว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงนิพพาน”
ในหลักการของวิชชาธรรมกายไม่มีการตีความของสิ่งที่เห็นในสมาธิ แต่เน้นการหยุดนิ่งของใจจนจำนำสู่ความเห็นแจ้งและรู้แจ้งตามที่เป็นจริงโดยปราศจากความคิดปรุงแต่ง ในแง่นี้ก็คือได้ว่าคำว่า “การอภิเษก”107 ซึ่งหากดูจากเนื้อความ
107 คำว่า อภิเษก มีความหมายดังเดิมในการทุ่มเทจิตใจให้ทุ่มเทด้วยความจริงจังใจต่อความหมายได้อย่างอาโลเกนาใช้อุปมัยในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การรับเข้าสู่ การยอมรับ การแต่งตั้ง การบออำนาจ เป็นต้น โดยใช้การหลัง หรือดำนา เป็นองค์ประกอบสำคัญของพิธีกรรม แต่ในบางครั้งก็ใช้ว่า “เจิม” หรือท้าวน้ำนั้นหรือผี ในภายหลังการเกณฑ์ให้นำมารับในการก่ำบัตรแต่งตั้งผู้ยอ่งเป็นทางการด้วยวิธีการที่เรียกว่าสำมะหาสมาธิ ซึ่งเป็นพิธีสมาธิสมาธิ หรือการพรมแบบที่สะระในพระพุทธศาสนามหายานและวรรณะบางกลุ่ม คำว่า อภิเษก ถูกนำมาใช้กับพิธีกรรมในการแต่งตั้งหรือยอมรับเป็นพระโพธิสัตว์ หรือการรับเข้าเป็นศิษย์ที่จะรับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงในสายการปฏิบัติที่เรียกว่ามือถือในวงการเทวนิยมและสายเวทย์ เป็นต้น (Gómez 2003; Swearer 2003)