ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ
อธิษฐานที่ดี ทูลสิริจิตเดบ น สกกา ปสิตติ ตสุภ ธมมสุข อตล สนโต ธมมภาย น ปสุตติ (อิติ อ. 334)
คำแปล: ด้วยคำนี้ พระองค์ทรงแสดงว่า การเห็นพระ ตกาดเจด้วยมงฺลานุภํ คติ การอยู่ร่วมกันโดยรูปภาคีก็ไม่ใช่เหตุ แต่ว่าการเห็นด้วยญาณจักญฺและการอยู่ร่วมกันโดยธรรมภาย เท่านั้นเป็นประมาณ ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัส ไว้ว่า กิเลสมที่หลาย เพราะว่ากิเลสมันไม่เห็นธรรม เมื่อไม่เห็น ธรรมก็ไม่เห็นเรา ในข้อความนั้น “โลกุตรธรรม 9” ชื่อว่า “ธรรม” เธอผู้มีจิตที่ถูกอธิษฐานเป็นต้นประทบยอมไม่อาจ เห็น (โลกุตรธรรมนัน) ได้ เมื่อไม่เห็นธรรม เธอจึงได้ชื่อว่า ไม่ เห็นธรรมภาย
ข้อความในอรรถกถาสงฆาวิสุทธิรนี้ เชื่อมโยงคำว่า “ธรรม” เข้ากับ “โลกุตรธรรม 9” และ “ธรรมภาย” ว่า การเห็นธรรม ก็คือ การเห็นโลกุตรธรรม 9 ซึ่งก็คือการเห็นธรรมภายใน ดังนั้น ผู้เห็นธรรม จึงได้ชื่อว่า เห็นพระตถาคต (เพราะตาถาดคือธรรมภาย)
นอกจากอรรถกถายังอธิบายเพิ่มเติมว่าโลกุตรธรรม 9 ซึ่งจำแนกเป็น มรรค์ ผล และนิพพาน นั้น ได้ชื่อว่า “ธรรม” โดยตรงไม่ใช่โดยอ้อม ดังนี้
มคคุณนิพพานปฏโกร โห นววิโส โลกุตรธรรมโม นิปปริยาโม นิพฤติฏิตติธรรมโมเยว น เกนจิ ปริยาเยน การเจน วา เลเสนา วา ธมโม วา (อิติ อ. 364)