ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 16
นั้น ชื่อปโยคะ ฯ บรรดาสัมปทา ๓ อย่าง มีเหตุสัมมปทาเป็นต้นนั้น
ผลสัมปทา ๒ อย่างข้างต้น ท่านพระอนุรุทธาจารย์แสดงแล้วด้วยบทว่า
สมฺมาสมฺพุทฺธ์ นี้ฯ ส่วนผลสัมปทา ๒ อย่างนอกนี้ กับทั้งสัตตูปการ
สัมปทา แสดงด้วยบทว่า อตุล นี้ ฯ ส่วนเหตุสัมปทาอันเป็นเหตุแห่ง
ผลสัมปทาและสัตตูปการสัมปทานั้น ท่านแสดงแล้วแม้ด้วยบททั้ง ๒
โดยความเป็นบทสามารถ เพราะสมบัติแห่งสัมทาทั้ง ๒ นั้นไม่มี โดย
เว้นจากเหตุเช่นนั้น และเพราะผลสัมปทาและสัตตูปการสัมปทานั้น มี
ความเกี่ยวข้องในบุคคลทุกจำพวก ในเมื่อสมบัติแห่งสัมปทาทั้ง ๒ นั้น
ไม่มีเหตุ ฯ
ท่านอาจารย์ ครั้นถวายนมัสการพระพุทธรัตนะนั้น ซึ่งมีการสดุดี
ที่สงเคราะห์ด้วยข้อกำหนด ๓ ประการเป็นหลักสำคัญ ด้วยประการ
ฉะนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะเริ่มคำนอบน้อมแด่พระรัตนะที่เหลือ จึงกล่าว
ว่า สสทฺธมฺมคณุตฺตม์ ฯ
[อธิบายพระธรรมและพระสงฆ์]
แท้จริง ความที่พระธรรมและพระสงฆ์ แม้เป็นผู้มีคุณ (แม้เป็น
รัตนะที่เพิ่มขึ้น) ก็เป็นผู้ควรกราบไหว้ บัณฑิตย่อมทราบได้โดย
ประกอบ สห ศัพท์ไว้ เปรียบเหมือนเมื่อชนกล่าวว่า (บิดา) มาพร้อม
ทั้งบุตรและทาระ คนอื่นก็ทราบการมาแม้ของบุตรและทาระได้โดย
ประกอบ สห ศัพท์ไว้ฉะนั้น ๆ
บรรดาพระธรรมและพระสงฆ์นั้น สภาพที่ชื่อว่าธรรม เพราะ
อรรถว่า ทรงไว้ซึ่งสัตว์ทั้งหลายผู้ทรงตนไว้ ไม่ให้ตกไปในอบาย 4