ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 124
ฐานแห่งสัมปฏิจฉันนจิต ฯ ที่ระหว่างแห่งสัมปฏิฉันนะกัยโวฏฐัพพนะ
เป็นฐานแห่งสันตีรณะ ฯ ที่ระหว่างแห่งสันตีรณะกับชวนะ ๑ สันตีรณะ
กับภวังค์ ๑ เป็นฐานแห่งโวฏฐัพพนจิต ฯ ที่ระหว่างแห่งโวฏฐัพพนะ
กับตทาลัมพนะ ๑ โวฏฐัพพนะกับภวังค์ ๑ โวฏฐัพพนะกับจุติ ๑
มโนทวาราวัชชนะกับตทาลัมพนะ ๑ มโนทวาราวัชชนะกับภวังค์ ๑
มโนทวาราวัชชนะกับจุติ ๑ เป็นฐานแห่งชวนจิตฯ ที่ระหว่างแห่งชวนะ
กับภวังค์และชวนะกับจุติ เป็นฐานแห่งตทาลัมพนจิตฯ ที่ระหว่าง
แห่งชวนะกับปฏิสนธิ ตทาลัมพนะกับปฏิสนธิ หรือภวังค์กับปฏิสนธิ
เป็นฐานแห่งจุติจิต ฯ อธิบายว่า สันตีรณะที่สหรคตด้วยอุเบกขาทั้ง ๒
อย่าง ชื่อว่ามีปฏิสนธิภวังค์และจุติเป็นกิจ เพราะสุขสันตีรณะไม่มี
สภาพ คือความเป็นไปด้วยอำนาจปฏิสนธิ ฯ ก็เพราะอธิบายอย่างนี้
ในคัมภีร์ปัฏฐาน พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงยกปฏิจจนัยไว้ในวิภังค์แห่ง
บทที่สหรคตด้วยอุเบกขาที่มาแล้วอย่างนี้ว่า ธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา
อาศัยธรรมที่สหรคตด้วยอุเบกขา ย่อมเกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุเป็น
ปัจจัย ดังนี้ ด้วยอำนาจแห่งปวัติกาลและปฏิสนธิกาล อย่างนี้ว่า ขันธ์
๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขาเป็นอเหตุกะเกิดขึ้น ขันธ์ ๑ อาศัย
ขันธ์ ๓ เกิดขึ้น ขันธ์ ๒ อาศัยขันธ์ ๒ เกิดขึ้น ขันธ์ ๓ อาศัย
အ
ค
0
ขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยอุเบกขา ในขณะแห่งอเหตุกปฏิสนธิ ฯลฯ
ขันธ์ ๒ ดังนี้ ฯ แต่ในวิภังค์แห่งบทที่สหรคตด้วยปีติและสหรคตด้วยสุข
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยกปฏิจจนัยขึ้นด้วยอำนาจแห่งปวัติกาลเท่านั้น
ขันธ์ ๓ อาศัยขันธ์ ๑ ที่สหรคตด้วยปีติเป็นอเหตุกะ ฯลฯ ขันธ์