ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 135
แต่ที่ประกอบด้วยปฏิฆะ มีกามาวจรธรรม มหัคคตธรรม และบัญญัติ
ธรรมเป็นอารมณ์ ในเวลาที่เป็นไปด้วยอำนาจแก่งความประทุษร้าย
และความเดือนร้อน ที่สหรคตด้วยวิจิกิจฉา มีการกามาวจาธรรม มหัค
คตธรรม และบัญญัติธรรมเป็นอารมณ์ ในเวลาที่เป็นไปด้วยอำนาจ
ความไม่ถึงความตกลงใน ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ มีกามาวจรธรรม
มหัคคตธรรม และบัญญัติธรรมเป็นอารมณ์ ในเวลาที่เป็นไปด้วย
อำนาจความฟุ้งซ่านและด้วยอำนาจความไม่สงบฯ จิตตุปบาทที่ประ
กอบด้วยญาณ ๘ คือจากอกุศลจิต ๔ จากกิริยาจิต ๔ มีกามาวจรเป็น
อารมณ์ ในเวลาที่ปรารภกามาวจรธรรมเป็นไป ในกิจมีการให้ การ
พิจารณา และการฟังธรรมโดยไม่เคารพเป็นต้น ของพระเสขะปุถุชน
และพระขีณาสพทั้งหลาย มีมหัคคตะเป็นอารมณ์ ในเวลาที่พิจารณา
ฌานที่ชำนาญยิ่ง มีบัญญัติเป็นอารมณ์ ในเวลาบริกรรมในนิมิตคือ
กสิณเป็นต้นเป็นอาทิ ดังนี้ 1
้
จิต ๕ เหล่านี้ ชื่อมีอารมณ์ที่เว้นจากอรหัตตมรรคและอรหัตต
ผล เพราะเป็นไปในสันดานแก่งพระเสขะและปุถุชนเท่านั้น ๆ จริงอยู่
แม้พวกพระเสขะก็ไม่อาจเพื่อจะรู้จิตที่เป็นไปในบุคคลชั้น กล่าวคือ
อรหัตตมรรคจิต และอรหัตตผลจิต เพราะยังไม่ได้บรรลุ เว้นแต่โลกิยจิต
แม้ปุถุชนเป็นต้นก็เหมือนกัน ไม่อาจรู้จิตของพระโสดาบันเป็นต้นได้ ฯ
ก็การที่กุศลชวนะปรารภธรรมคือมรรคผลของตน ๆ และของพระเสขะ
ผู้เสมอกับตนและต่ำกว่าตนเป็นไป ในเวลาที่พิจารณามรรคผลของตน
ในเวลาบริกรรมแห่งอภิญญา ซึ่งมีมรรคผลที่เป็นไปแล้วในสันดาน