ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 32
พระภาคเจ้าทรงแสดงอุทธัจจะไว้โดยสรุปอย่างเดียวว่า ย่อมเกิดขึ้น ฯ
ก็ในอธิการที่แสดงอุทธัจจะไว้โดยสรุปนี้ มีคาถาแสดงความย่อดังนี้ :-
ถึงแม้อุทธัจจะ จะประกอบด้วยอกุศลจิต
ทุกดวง ก็มีกำลังในจิตดวงสุดท้าย เพราะ
เหตุนั้น จิตดวงนั้นนั่นแล ท่านอนุรุทธา
จารย์กล่าวว่า สัมปยุตด้วยอุทธัจจะ เพราะ
ประกอบด้วยอุทธัจจะ ฯ เพราะเหตุนั้น
นั่นแล อุทธัจจะนั้น พระจอมมุนีจึงตรัสไว้
ในอกุศลที่เหลือ โดยชื่อว่าเยวาปนกะแล้ว
ทรงแสดงโดยสรูปในจิตดวงสุดท้ายนี้เท่า
นั้น ๆ
อนึ่ง จิตทั้ง ๒ นี้ เว้นจากความกำหนัดและความขัดเคือง แม้
ในอารมณ์ทั้งปวง เพราะความเป็นจิตหลงงมงายอย่างยิ่ง เหตุเว้น
จากมูลอื่น และเพราะเป็นจิตหวั่นไหว เหตุประกอบพร้อมด้วย
วิจิกิจฉา และอุทธัจจะที่เป็นไปด้วยอำนาจแห่งความกระสับกระส่ายและ
ความฟุ้งซ่าน ย่อมเป็นไปสหรคตด้วยอุเบกขาเท่านั้น ๆ เพราะเหตุนั้น
นั่นแล แม้ความต่างกันแห่งสังขารก็ไม่มีแก่จิตทั้ง ๒ ดวงนั้น เพราะ
ไม่มีความกล้าเองตามสภาพและผู้ช่วยกระตุ้นเตือน ๆ ก็ในที่นี้ มีคาถา
แสดงความย่อ ดังนี้ :-
จิตทั้ง ๒ ดวง เป็นเอกเหตุกะ สหรคต
ด้วยอุเบกขา เพราะความเป็นจิตงมงาย