ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 436
ฉะนั้น ถ้าวิปัสสนาที่เป็นวุฏฐานคามินี เห็นแจ้งโดยมิใช่ตน ฯ มรรค
ก็เป็นวิโมกข์ชื่อว่าสุญญตะ เพราะได้ชื่อตามอำนาจธรรมเป็นเหตุมาฯ
บทว่า วิปสฺสนาความนวเสน คือ ตามอำนาจธรรมเป็นเหตุมา
กล่าวคือวิปัสสนา ฯ วิปัสสนาและมรรค ชื่อว่าเป็นเหตุมา เป็นทางมา
ในที่นี้ ก็เพราะเป็นเครื่อง
รื่องมาของมรรคและผลฯ บทว่า ยถาวุตฺตนเยน
คือ ตามอำนาจแห่งอนัตตานุปัสสนาที่กล่าวแล้วในหนหลังเป็นต้น ฯ คำ
ว่า ยถาสก์ ผลมุปฺปชฺชมานานมุปิ ความว่า ผลของตน ๆ ซึ่งเป็นผล
แห่งมรรคตามที่ได้แล้ว แม้เมื่อเกิดขึ้น ก็ไม่ได้ (ชื่อ) ด้วยอำนาจธรรม
เป็นเหตุคือมรรค ย่อมได้ชื่อ ๓ อย่าง ด้วยอำนาจธรรมเป็นเหตุมา
คือวิปัสสนาเท่านั้น เพราะมรรคนั้นไม่ประกอบโดยความเป็นทวาร
ก็เพราะในเวลานั้นไม่มีความเป็นไปแห่งมรรค ฯ บทว่า อาลมุพนวเสน
ความว่า ทั้ง ๓ ชื่อเหมือนกันทีเดียว ด้วยอำนาจแห่งพระนิพพานนั้น
เพราะเป็นไปปรารภพระนิพพานที่มีชื่อว่าสุญญตะ อนิมิตตะ และ
อัปปณิหิตะ เพราะเป็นธรรมชาติว่างจากสังขารทุกอย่าง, เพราะเว้นจาก
นิมิตคือสังขาร และเพราะเว้นจากความปรารถนาคือตัณหา ฯ บทว่า
สรสวเสน คือ ด้วยอำนาจแห่งตุฯของตน เพราะว่างจากกิเลสมีราคะ
เป็นต้น, เพราะเว้นจากอารมณ์มีรูปนิมิตเป็นต้น และเพราะเว้นจาก
ปณิธิคือกิเลส ฯ บทว่า สพฺพตฺถาปิ คือ ในวิถีแห่งมรรคและในวิถี
แห่งผลสมาบัติ ฯ บทว่า สพฺเพสมฺปิ คือ ทั้งแก่มรรคทั้งแก่ผลฯ
[อธิบายบุคคลและสมาบัติ
พระโสดาบันที่ชื่อว่าสัตตักขัตตุปรมะ เพราะท่านมีการถือปฏิสนธิ