ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 219
ถูกเจตนานั้นเข้าไปตัดรอน ชื่อว่าอปราปริยเวทนียกรรม (คือกรรมให้
ผลในภพต่อ ๆ ไป)ฯ แต่กรรมทั้ง ๒ เบื้องต้น และแม้กรรมที่ ๓
ที่ล่วงกาลของตน ๆ ไปแล้ว เมื่อความเป็นไปแห่งสังสารวัฏขาดลง
ชื่อว่าเป็นอโหสิกรรม (คือกรรมให้ผลสำเร็จแล้ว)
က
บทว่า ปากกาลวเสน ความว่า ด้วยอำนาจกาลแห่งกรรมทั้ง
อย่างข้างต้น ที่ท่านกำหนดไว้อย่างนี้ คือ ในปัจจุบันกาล ในลำดับแห่ง
ปัจจุบันกาลนั้น ในกาลใดกาลหนึ่ง และด้วยอำนาจแห่งอโหสิกรรม
นอกนี้ ซึ่งไม่มีกาลตามที่ท่านกำหนดไว้แล้วนั้น ๆ จริงอยู่ การกล่าว
เช่นนั้น โดยความก้าวล่วงกาลเท่านั้น ย่อมมีแก่อโหสิกรรมฯ
บทว่า ปากฏฐานวเสน คือ ด้วยอำนาจแห่งภูมิที่เผล็ดผล ฯ
[อธิบายกายกรรม]
บัดนี้ ท่านอาจารย์ได้เริ่มคำว่า "ตตฺถากุศล" เป็นต้นไว้ ก็เพื่อ
จะแสดงความเป็นไปแห่งอกุศลกรรมเป็นต้น ด้วยอำนาจแห่งทวาร
ของกายกรรมเป็นต้น และประเภทแห่งอกุศลกรรมเป็นต้นนั้น มี ๑๐
อย่างเป็นอาทิ ด้วยอำนาจแห่งอกุศลกรรมมีปาณาติบาตเป็นต้น โดยการ
แสดงไขความเป็นไป ด้วยอำนาจกายกรรมเป็นต้นนั้นเป็นประธานฯ
กรรมเป็นไปในกายทวาร ชื่อว่ากายกรรม วจีกรรมเป็นต้น
ก็อย่างนั้น ๆ การไม่ให้สัตว์มีชีวิตตกไปทันที ค่อย ๆ ให้ตกไป
ชื่อว่าปาณาติบาตฯ การถือเอาวัตถุสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วยกาย
และวาจา ชื่อว่าอทินนาทานฯ การประพฤติผิดในกามทั้งหลาย กล่าว
คือการก้าวล่วงเมถุน ชื่อว่ากาเมสุมิจฉาจาร ฯ จะวินิจฉัยในปาณาติบาต