อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้า 122 อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 122
หน้าที่ 122 / 442

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอการสำรวจแนวคิดทางอภิธรรมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างกุศลและอกุศลธรรม โดยเน้นการศึกษาผลกระทบของโยนิโสมนสิการและอโยนิโสมนสิการต่อความเกิดขึ้นและเจริญของกุศลธรรม นอกจากนี้ยังมีการอธิบายประเภทของเหตุที่ส่งผลต่อกิจกรรมของจิตและการดำเนินชีวิตในแง่มุมต่างๆ รวมถึงการเชื่อมโยงแนวคิดเหล่านี้กับการทำกิจกรรมในสังคมและชีวิตประจำวัน.

หัวข้อประเด็น

-การวิเคราะห์อภิธรรม
-ความสำคัญของกุศลและอกุศล
-การสงเคราะห์กิจ
-โยนิโสมนสิการ
-อนุสัยและกรรมในจิตใจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 122 โมมหจิตนั้น จึงชื่อว่ากุศลโดยสภาพ เมื่อเป็นเช่นนั้น แม้เหตุที่เหลือ ก็ต้องมีชื่อว่าอกุศลเป็นต้น โดยสภาพ เพราะเหตุนั้น แม้สัมปยุตธรรม ทั้งหลายที่ชื่อว่ากุศลเป็นต้นนั้น จึงไม่ต้องเนื่องด้วยเหตุ ดุจเหตุเหล่านั้น มีชื่อว่ากุศลเป็นต้น ฯ ก็ถ้าที่ชื่อว่ากุศลเป็นต้นเนื่องด้วยเหตุ ในกาลนั้น อเหตุกเหตุทั้งหลายจะต้องมีชื่อว่าอัพยากฤตไม่ได้ เพราะเหตุนั้น ไม่ ต้องแคะได้นักฯ แต่กุศลและอกุศลมีชื่อว่ากุศลเป็นต้น เนื่องด้วย โยนิโสมนสิการและอโยนิโสมนสิการ ฯ ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในในโดยแยบคาย กุศลธรรม ทั้งหลานที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น และกุศลธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อม เจริญมาขึ้น ดังนี้เป็นต้นฯ แต่พึงเห็นว่า อัพยากตธรรมทั้งหลาย ชื่อว่าอัพยากฤต เนื่องด้วยสันดานที่ปราศจากอนุสัย เนื่องด้วยกรรม และเนื่องด้วยสภาพที่หาวิบากมิได้ ฯ ન บัดนี้ เพื่อจะแสดงประเภทแห่งชาติของเหตุทั้งหลาย ท่านอาจารย์ จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า โลโภ โทโส จฯ การสงเคราะห์ซึ่งกิจทั้งหลาย มีปฏิสนธิเป็นต้น ด้วยสามารถการจำแนก และซึ่งจิตทั้งหลายที่มีกิจ นั้น ด้วยสามารถแห่งการกำหนด ชื่อว่ากิจจสังคหะฯ การสืบต่อ ภพจากภพ ชื่อว่าปฏิสนธิกิจฯ ความที่จิตเป็นองค์แห่งภพ โดยเป็น เหตุแห่งความเป็นไปไม่ขาดสาย ชื่อว่าภวังคกิจ ฯ กิจมีอมวัชชนกิจ બૈં เป็นต้น บัณฑิตพึงประกอบตามกระแสอรรถแห่งคำที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว ในหนหลัง ตามสมควร ฯ ๑. นัย. องฺ. เอก. ๒๐/๑๕.
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More