ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 433
กิจ ๔ อย่างให้สำเร็จได้ บัณฑิตควรรับรอง เพราะแสดงกิจ ๔ อย่าง
มีการไหม้ไส้เป็นต้น แห่งประทีปเป็นอาทิ และเพราะพระบาลีที่มา
เป็นต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเห็นทุกข์ ฯ
หลายบทว่า เทว ตีณิ ผลจิตตานี ปวตฺติวา ความว่า ผลจิต ๒"
หรือ ๓ ดวง เป็นไปแล้วในสันดานแม้ที่มีกิเลสถูกตัดขาดแล้ว ตาม
สมควรแก่ความเกิดขึ้นของมรรค โดยเป็นธรรมชาตระงับดับความ
เร่าร้อน ดุจน้ำที่คนเอาหม้อเทราดสถานที่ที่นำไฟออกกไปแล้ว เพื่อต้อง
ผลจิตเหล่านั้นฯ บทว่า ปจจเวกขณญาณานิ ได้แก่ ญาณที่เป็น
กามาวจรมีมรรคและผลเป็นต้นเป็นอารมณ์ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทาง
หมายเอาตรัสไว้ว่า เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ความรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว
ย่อมมี ฯ
[อธิบายปัจจเวกขณญาณ]
บัดนี้ เพื่อจะแสดงภูมิแห่งปัจจเวกขณญาณ ท่านอาจารย์จึงกล่าว
คำเป็นต้นว่า มคฺคิ ผลญฺจ ฯ บรรดามรรคเป็นต้นเหล่านั้น บัณฑิต
ย่อมพิจารณามรรคว่า เรามาแล้วด้วยมรรคนี้ ฯ ในลำดับแห่งการ
พิจารณามรรคนั้น ย่อมพิจารณาผลของมรรคนั้นว่า อานิสงส์ชื่อนี้
เราได้แล้ว ฯ ในลำดับแห่งการพิจารณาผลของมรรคนั้นว่า อานิสงส์ชื่อนี้
ว่า ธรรมชื่อนี้ เรากระทำให้แจ้งแล้วโดยเป็นอารมณ์ ฯ ในลำดับ
๑. ส. มหาวาร. ๑๕/๕๔๗
๒. โดยอนุโลมปาฐะอภิธัมมัตถสังคหะฉบับพม่าและสีหล จึงแปลอีกนัยหนึ่งว่า "เพราะผลจิต
๒ หรือ ๓ ดวงเป็นไป... โดยเป็นธรรมชาต..." ให้สมกับคำอธิบายต่อไปนี้ไปที่ว่า เตส์
ปวตฺติยา ฯ