ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 251
(มีได้) ไม่ผิด เพราะอวิชชาและตัณหาที่เกิดร่วมกับชวนะแม้เหล่านั้น
เรียกว่าอนุสัย โดยความที่อวิชชาและตัณหาทั้ง ๒ นั้นเป็นเช่นเดียว
กับอนุสัย" ดังนี้ ๆ เมื่อเป็นอย่างอื่น ก็ไม่มีการสงเคราะห์อวิชชา
และตัณหาที่เกิดร่วมกับอกุศลกรรม หรือที่เกิดร่วมกับความปรารถนา
ภพ และที่เกิดร่วมกับชวนะใกล้ต่อจุติ (เข้าในคำว่า "ถูกอวิชชา-
นุสัยห้อมล้อม")ฯ อวิชชานั่นเอง ชื่อว่าเป็นอนุสัย เพราะว่านอน
เนื่อง คือเป็นไป ด้วยอรรถว่า ยังละไม่ได้ ฯ อันสังขารซึ่งถูกอวิชชา
นุสัยนั้นห้อมล้อม คือแวดล้อมฯ ตัณหานุสัยนั่นเองเป็นมูล คือเป็น
ประธาน ได้แก่เป็นเหตุทำผลร่วมกันแห่งสังขารนี้ เพราะเหตุนั้น
สังขารนั้น ชื่อว่ามีตัณหานุสัยเป็นมูลฯ
บทว่า สงฺขาเรน ความว่า (ใจ) อันกุศลกรรมและอกุศลกรรม
หรืออันความประชุมแห่งธรรมมีผัสสะที่สหรคตด้วยธรรมเป็นต้น หรือ
อันความประชุมแห่งธรรมมีผัสสะเป็นต้นนั้น ที่เกิดร่วมกับชวนะใกล้
ต่อจุติให้เกิดอยู่ๆ แท้จริง ตัณหาให้วิญญาณน้อมไปในอารมณ์ที่มีโทษ
อันถูกอวิชชาปิดบังไว้ สังขารตามที่กล่าวแล้ว ซึ่งเรียกกันว่า ขิปนก
สังขาร (สังขารผู้ซัดไป) ย่อมชัดวิญญาณไป (ในอารมณ์มีกรรม
เป็นต้น ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งปฏิสนธิ)ฯ เหมือนดังที่ท่านอาจารย์ทั้งหลาย
กล่าวไว้ว่า
"อวิชชาตัณหาและสังขาร ที่เกิดร่วมกับ
จิตของเหล่าสัตว์ผู้เกิดในอบาย ปกปิด
โทษของอารมณ์ และน้อม (วิญญาณ)