อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 54
หน้าที่ 54 / 442

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาในส่วนนี้เน้นถึงความแตกต่างระหว่างฌานในรูปาวจรกุศลและกามาวจรกุศล รวมถึงการวิเคราะห์ความเป็นไปของฌานตามหลักอภิธรรม อธิบายถึงการเกิดขึ้นและคุณลักษณะของฌานที่ได้จากการปรุงแต่ง โดยใช้หลักการทางอภิธรรมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความแตกต่างที่ชัดเจน ในการบรรลุธรรมและการใช้สมาธิในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะในศาสนาพุทธ การทำความเข้าใจนี้จะช่วยให้มีความรู้ลึกซึ้งต่อการปฏิบัติและความเข้าใจในทางธรรมชาติ

หัวข้อประเด็น

-ความหมายฌาน
-รูปาวจรกุศล
-การวิเคราะห์อภิธรรม
-อสังขาริกและสสังขาริก
-การปรุงแต่งในฌาน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 54 เหตุนั้น ท่านอาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวว่า "อุเบกขา ท่านกล่าวว่าสุขเหมือนกัน เพราะมี ความเป็นไปสงบ"ฯ ก็ความพิเศษแห่งฌานนั้น ด้วยสามารถแห่งองค์สำหรับละเป็นต้น จักมีแจ่มแจ้งต่อไปข้างหน้าฯ ความพิเศษ (แปลก) ที่ได้อยู่ แม้ในจิตที่เป็นอรูปาวจรและโลกุตตระ จักมีแจ่มแจ้งต่อไปข้างหน้า เช่นกัน ฯ ถามว่า เหตุไฉนในรูปาวจรกุศลนี้ ท่านจึงไม่ถือเอาความต่าง แห่งสังขาร ดังในกามาวจรกุศล ด้วยว่า แม้รูปาวจรกุศลนี้ ที่ได้ ด้วยอำนาจการประกอบสมถะอย่างเดียว ก็อาจเรียกได้ว่า สสังขาริก ที่ได้ด้วยอำนาจการบรรลุมรรค ก็อาจเรียกได้ว่า อสังขาริก มิใช่หรือ ? แก่ว่า รูปาวจรกุศลนี้ ไม่อาจเรียกได้อย่างนั้น เพราะแม้ฌานที่ได้ มาด้วยกำลังมรรค โดยอำนาจการบรรลุมรรค เกิดขึ้นได้โดย อำนาจบริกรรมอย่างเดียวในกาลต่อมา เพราะฉะนั้น จึงไม่อาจเรียกว่า อสังขาร เพราะฌานแม้ทั้งหมด เว้นเสียจากการปรุงแต่งเบื้องต้นกล่าว คือบริกรรม เกิดขึ้นด้วยอำนาจความตั้งใจเดิมอย่างเดียวไม้ได้ ทั้งไม่ อาจเรียกว่า สสังขาร เพราะเว้นเสียจากความตั้งใจเดิมเกิดขึ้นด้วย การปรุงแต่คือบริกรรมอย่างเดียวเท่านั้นก็ไม่ได้ อีกนัยหนึ่ง แก้ว่า ฌานที่เกิดขึ้นด้วยอำนาจการปรุงแต่เบื้องต้น อย่างเดียว เป็นอสังขาริกในบางคราวก็ไม่ได้ เพราะเหตุนั้น ท่าน จึงไม่เรียกว่า อสังขาริก และว่า สสังขาริก เพราะไม่มีความเป็นไป
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More