ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 364
เจ้าเป็นต้น และทั้งไม่ใช่เป็นความเกิดขึ้นแห่งสภาพมีความสุขและความ
สวยงามเป็นต้นฯ (นัยอย่างนี้ชื่อว่าปฏิจจสมุปบาทนัย) ในอธิการนี้
คือ ในอธิการแห่งปัจจัยสังคหะนี้ ฯ
[อธิบายอัทธาเป็นต้น]
กาลที่ชื่อว่าอัทธา เพราะอรรถว่า ไปอยู่เสมอ คือดำเนินไป
ได้แก่เป็นไปอยู่เนืองนิจติดต่อ ฯ อวิชชาและสังขารเป็นอดีตทธา เพราะ
เหตุที่นับเนื่องในภพเป็นอดีตนั่นแล ท่านประสงค์เอาในอัทธาปรจฉัน
นาธิการนี้ ฯ ก็ด้วย อัทธา ศัพท์ หมายเอาพวกธรรมมีอวิชชาเป็นต้น
นั่นเอง เพราะกาละอะไร ๆ ที่พ้น
ที่พ้นไปจากธรรมนั้นหาไม่ได้ฯ จริงอยู่
ธรรมทั้งหลายที่ดับไปแล้วและยังไม่เกิดขึ้นนั่นแล บัณฑิตย่อมกล่าว
ด้วยอำนาจแห่งอดีตกาลและอนาคตกาล, ส่วนธรรมที่นับเนื่องในขณะ
ทั้ง ๓ มีอุปาทขณะเป็นต้น ท่านกล่าวด้วยอำนาจแห่งปัจจุบันกาล ฯ
ชาติชราและมรณะ ชื่อว่าอนาคตทธา เพราะจะเกิดในอนาคต
จากเหตุปัจจุบัน ฯ คำว่า มชฺเญ อฏฺฐ ปจฺจุปันโน อทธา ความว่า
องค์ ๘ มีวิญญาณเป็นต้นในท่ามกลาง ชื่อว่าเป็นปัจจุบันนัทธา เพราะ
องค์เหล่านั้นเป็นผลซึ่งเกิดในภพนี้จากอดีตเหตุ และเพราะมีสภาพเป็น
เหตุในภพนี้แก่อนาคตผลฯ ท่านอาจารย์ทำในใจถึงการท้วงว่า แม้
โสกะและปริเทวะเป็นต้น ควรกล่าวไว้ โดยความเป็นองค์มิใช่หรือ
จึงกล่าวคำเปีนต้นว่า โสกาทิวจน์ ฯ อธิบายว่า คำว่า โสกะเป็นต้น
เป็นการแสดงผลที่ไหลออกแห่งชาติ คือเพียงผลที่ไม่เป็นเหตุฯ แต่