ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 136
ของบุคคลอื่นเป็นอารมณ์ และในเวลากำหนดมรรคผลด้วยจิตที่สัมปยุต
ด้วยอภิญญานั้นแล ย่อมมีแก่พระเสขบุคคลทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น
ท่านอาจารย์จึงทำการคัดค้านเฉพาะอรหัตตมรรคและอรหัตตผลเท่านั้น ฯ
แต่กามาวจร มหัคคตะ บัญญัติ และนิพพานทั้งหลาย ย่อมถึงความ
เป็นอารมณ์แก่กุศลชวนะทั้งหลาย ในการให้การพิจารณา การฟัง
ธรรม การพิจารณาสังขาร และการบริกรรมที่เป็นไปในกสิณ โดย
เคารพเป็นต้น แห่งพระเสขะและปุถุชน ในกาลบริกรรมแห่งอภิญญา
ที่เป็นไปในอารมณ์นั้น ๆ ในกาลแห่งโคตรภูจิตและโวทานจิต และ
ในกาลรู้แจ้งรูปเป็นต้นด้วยทิพจักษุเป็นต้นฯ สองบทว่า สพฺพตฺถาปิ
สพฺพาลมุพนานิ มีความว่า จิต ๖ มีธรรมทั้งปวงเป็นอารมณ์ (มี
อารมณ์ได้ทุกอย่าง) ด้วยอำนาจกามาวจร มหัคคตะ โลกุตตระทั้งหมด
และบัญญัติ ชื่อว่าแม้โดยประการทั้งปวงฯ อธิบายว่า แต่หามีอารมณ์
ทั้งปวงโดยเฉพาะส่วน เหมือนอกุศลจิตเป็นต้นไม่ จริงอยู่ อารมณ์
อะไร ๆ
ที่ชื่อว่าไม่เป็นอารมณ์แห่งกิริยาชวนะไม่มี ในเวลาที่กิริยาชวนะ
เป็นไปในอำนาจแห่งญาณมีพระสัพพัญญุตญาณเป็นต้น และในเวลา
ที่โวฏฐัพพนะเป็นไปในอำนาจแห่งโวฏฐัพพนะ ที่เป็นไปในเบื้องหน้า
แห่งกิริยาชวนะเป็นต้นเหล่านั้น ฯ บรรดาอรูปทั้งหมด อรูปที่ ๒ และ
ที่ 4 ชื่อว่ามหัคคตาลัมพนะ (มีมหัคคตะเป็นอารมณ์) เพราะมีอรูป
ที่ ๑ และที่ ๓ เป็นอารมณ์ ฯ หลายบทว่า เสนานิ ฯเปฯ ลมุพนานิ
ความว่า จิต ๒๑ คือรูปาวจร ๑๕ และอรูปที่ ๑ ที่ ๓ ชื่อว่ามีบัญญัติ
เป็นอารมณ์ เพราะเป็นไปในบัญญัติมีกสิณเป็นต้น ๆ จิต ๒๕ ด้วย