ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 174
อนัตตา เมื่อกุศลากุศลดับไปแล้ว อเหตุกวิบากจิตตุปบาท ย่อมเกิดขึ้น
โดยความเป็นตทารมณ์ เมื่อกุศลากุศลดับไปแล้วอเหตุกวิบากจิตตุป
บาทย่อมเกิดขึ้น โดยความเป็นตทารมณ์ ดังนี้ ฯ
ๆ
บทว่า ตสฺมา สัมพันธ์ความว่า เพราะเหตุที่ตทารมณ์และภวังค์
สหรคตด้วยอุเบกขาเท่านั้นมีในที่สุดแห่งโทมนัสชวนะ ฯ ฉะนั้น ตทารมณ์
ที่สหรคตด้วยอุเบกขา จึงเกิดในที่สุดแห่งโทมนัสชวนะ ฯ แม้ความ
ไม่มีแห่งการตกภวังค์ ย่อมเป็นอันท่านอาจารย์แสดงไว้ ด้วยบทว่า
โสมนสฺสปฏิสนธิกสฺส นี้แล เพราะโสมนัสไม่มีในลำดับแห่งโทมนัส
เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงไม่กล่าวความไม่มีแห่งการตกภวังค์นั้น
กำหนดความไม่มีตทาลัมพนะอย่างเดียว จึงกล่าวว่า ถ้าตทาลัมพนะ
ไม่มีเกิดขึ้น ดังนี้ ฯ อธิบายว่า ถ้าตทาลัมพนะเกิด คืออุบัติไม่ได้
เพราะเมื่อโทมนัสชวนะของสัตว์ผู้มีปฏิสนธิประกอบด้วยโสมนัสมีเดียรถีย์
เป็นต้น ผู้มีจิตกระทบกระทั่งแม้ในอติอิฏฐารมณ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น
แล่นไปแล้ว ตทาลัมพนะอันประกอบด้วยโสมนัส และตทาลัมพนะ
อันสหรคตด้วยอุเบกขา ไม่เกิดขึ้นในอติอิฏฐารมณ์ ตามนัยดังที่กล่าว
แล้ว หรือเพราะเมื่อมีโทมนัสชวนะของบุคคลผู้ปรารภ โลกิยฌานที่เสื่อม
แล้วด้วยอสัปปายะบางอย่าง แล้วเกิดวิปฏิสารว่า ปณีตธรรมของเรา
หายเสียแล้ว ตทาลัมพนะก็ไม่มีในอารมณ์ที่ไม่ใช่กามาวจร ฯ บทว่า
ปริจิตปุพฺพ์ แปลว่า ที่ตนสั่งสมมาก่อน คือที่ตนเคยยึดถือแล้วโดย
มาก ในภพนั้น ๆ อธิบายว่า สันตีรณะที่สหรคตด้วยอุเบกขา แม้เว้น
จากอาวัชชนะ ก็เกิดขึ้นได้ ดุจผลจิตของท่านผู้ออกจากนิโรธฉะนั้น
ๆ