ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 176
[ตทาลัมพนะมีในกามาวจร
ในคำว่า กามาวจร ฯ เปฯ อิจฺฉนฺติ นี้ ท่านกล่าวความไว้
เฉพาะดังนี้ว่า ท่านอาจารย์ทั้งหลาย ย่อมปรารถนาตทารมณ์นั่นแล
ในที่สุดชวนจิตฝ่ายกามาวจรเท่านั้น เพราะเป็นจิตที่เกิดแต่กรรม มี
กามตัณหาเป็นต้นเหตุฯ จริงอยู่ ตทารมณ์นั้น อันกรรมที่กามตัณหา
เป็นเหตุ ให้เกิดแล้ว ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ในลำดับชวนจิตฝ่ายรูปาวจร
อรูปาวจร และโลกุตตระ อันไม่มีสภาพเช่นนั้น ๆ เหตุไรหรือ?
เพราะชวนจิตฝ่ายรูปาวจรเป็นต้นนั้น ไม่ใช่ตัวให้กำเนิด และเพราะ
ไม่มีภาวะเสมอกันกับกรรมที่ให้กำเนิด ๆ เปรียบเหมือนเด็กอ่อน
ผู้ประสงค์จะออกไปนอกเรือน ย่อมจะเกาะนิ้วมือบิดา หรือบุคคลเช่นกับ
บิดาออกไป ไม่เกาะคนอื่น มีราชบุรุษเป็นต้น ฉันใด ตทาลัมพนจิต
ที่เป็นไปในอารมณ์อื่นจากอารมณ์ภวังค์ ก็ฉันนั้น ย่อมจะติดจาม
กามาวจรกุศล และอกุศล ตัวให้กำเนิด หรือชวนจิตที่เป็นกิริยาฝ่าย
กามาวจร อันเช่นกับชนกกรรมนั้นไป แต่จะไม่ติดตามชวนจิตฝ่าย
มหัคคตะและโลกุตตระ อันปราศจากความเหมือนกับชนกกรรมนั้น ๆ
อนึ่ง ท่านย่อมปรารถนาตทารมณ์สำหรับกามาวจรสัตว์เท่านั้น ไม่
ๆๆ
ปรารถนาแก่พวกพรหม เพราะพวกพรหมไม่มีพืชคือปฏิสนธิจิตฝ่าย
กามาวจร อันเป็นอุปนิสัยแห่งตทารมณ์ ๆ หนึ่ง ท่านย่อมปรารถนา
เฉพาะในกามาวจรธรรมที่เป็นอารมณ์ ไม่ปรารถนาในธรรมนอกนี้
เพราะไม่คุ้นกัน ฯ