ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 360
ว่าอายตนะ ฯ อายตนะ ๖ และอายตนะที่ ๖ ชื่อว่าสฬายตนะ ผัสสะ
ที่เป็นไปในทวาร ๖ ด้วยอำนาจแห่งจักขุสัมผัสเป็นต้น ชื่อว่าผัสสะ ฯ
เวทนามี ๓ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอุเบกขาเวทนา (ด้วย
อำนาจแห่งสุข ทุกข์ และอุเบกขา) ฯ ตัณหามี ๓ อย่าง คือกามตัณหา
ภวตัณหา วิภวตัณหา ๆ แต่โดยอำนาจแห่งอารมณ์ ๖ เป็นต้น แยก
ประเภทออกเป็นต้นตัณหา ๑๐๘ ๆ อุปาทานมี ๔ ด้วยอำนาจแห่งกามุ
ปาทานเป็นต้น ๆ ก็บรรดาตัณหาและอุปาทานทั้ง ๒ นั้น ตัณหาและ
อุปทานเหล่านี้ มีความแตกต่างกันอย่างนี้ คือความอยากที่มีกำลังอ่อน
จัดเป็นตัณหา ที่มีกำลังรุนแรง จัดเป็นอุปาทาน อนึ่ง ความปรารถนา
อารมณ์ที่ยังไม่มาถึง จัดเป็นตัณหา เหมือนโจรยื่นมือออกไปในความ
มือฉะนั้น ความยึดมั่นอารมณ์ที่ถึงแล้ว จัดเป็นอุปาทาน เหมือนโจร
จับของที่ถึงมือฉะนั้น ตัณหาเป็นปฏิปักษ์ (ข้าศึก) ต่อความมักน้อย
อุปาทานเป็นปฏิปักษ์ต่อความสันโดษ ตัณหาเป็นมูล (เหตุ) แห่งทุกข์
ในการแสวงหา อุปาทานเป็นมูล (เหตุ) แห่งทุกข์ในการรักษาฯ
[อธิบายภาพเป็นต้น]
ภพ มี ๒ อย่างคือ กรรมภพ (และ) อุปปัตติภพ ฯ บรรดา
ภพทั้ง ๒ นั้น ภพที่ ๑ ชื่อว่าภพ เพราะอรรถว่า เป็นแดนเกิด
แห่งผล ฯ ภพนัยที่ ๑ นั้นมี ๒๘ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งกามาวจรกุศล
และอกุศลเป็นต้น ฯ ส่วนภพที่ ๒ ชื่อว่าภพ เพราะอรรถว่า เป็น
(เกิดขึ้น) ฯ ภาพนัยที่ ๒ นั้นมี ๕ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งกามภพเป็นต้นฯ