อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 360 อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 360
หน้าที่ 360 / 442

สรุปเนื้อหา

ในหน้าที่ 360 ของอภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา กล่าวถึงอายตนะ ๖ และการรับรู้ผ่านสัมผัส การแบ่งประเภทเวทนาเป็น ๓ ประเภท รวมถึงการจัดประเภทตัณหาและอุปาทาน โดยอธิบายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างตัณหาและอุปาทาน ตลอดจนภพ ๒ ประเภทที่สำคัญในการเกิดผลจากกรรม นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแนวคิดหลักในพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับความอยากและการยึดมั่น ซึ่งเป็นสาเหตุแห่งทุกข์

หัวข้อประเด็น

-อายตนะและสัมผัส
-เวทนาและการแบ่งออก
-ตัณหาและอุปาทาน
-ความแตกต่างระหว่างตัณหาและอุปาทาน
-ภพในพระพุทธศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 360 ว่าอายตนะ ฯ อายตนะ ๖ และอายตนะที่ ๖ ชื่อว่าสฬายตนะ ผัสสะ ที่เป็นไปในทวาร ๖ ด้วยอำนาจแห่งจักขุสัมผัสเป็นต้น ชื่อว่าผัสสะ ฯ เวทนามี ๓ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอุเบกขาเวทนา (ด้วย อำนาจแห่งสุข ทุกข์ และอุเบกขา) ฯ ตัณหามี ๓ อย่าง คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ๆ แต่โดยอำนาจแห่งอารมณ์ ๖ เป็นต้น แยก ประเภทออกเป็นต้นตัณหา ๑๐๘ ๆ อุปาทานมี ๔ ด้วยอำนาจแห่งกามุ ปาทานเป็นต้น ๆ ก็บรรดาตัณหาและอุปาทานทั้ง ๒ นั้น ตัณหาและ อุปทานเหล่านี้ มีความแตกต่างกันอย่างนี้ คือความอยากที่มีกำลังอ่อน จัดเป็นตัณหา ที่มีกำลังรุนแรง จัดเป็นอุปาทาน อนึ่ง ความปรารถนา อารมณ์ที่ยังไม่มาถึง จัดเป็นตัณหา เหมือนโจรยื่นมือออกไปในความ มือฉะนั้น ความยึดมั่นอารมณ์ที่ถึงแล้ว จัดเป็นอุปาทาน เหมือนโจร จับของที่ถึงมือฉะนั้น ตัณหาเป็นปฏิปักษ์ (ข้าศึก) ต่อความมักน้อย อุปาทานเป็นปฏิปักษ์ต่อความสันโดษ ตัณหาเป็นมูล (เหตุ) แห่งทุกข์ ในการแสวงหา อุปาทานเป็นมูล (เหตุ) แห่งทุกข์ในการรักษาฯ [อธิบายภาพเป็นต้น] ภพ มี ๒ อย่างคือ กรรมภพ (และ) อุปปัตติภพ ฯ บรรดา ภพทั้ง ๒ นั้น ภพที่ ๑ ชื่อว่าภพ เพราะอรรถว่า เป็นแดนเกิด แห่งผล ฯ ภพนัยที่ ๑ นั้นมี ๒๘ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งกามาวจรกุศล และอกุศลเป็นต้น ฯ ส่วนภพที่ ๒ ชื่อว่าภพ เพราะอรรถว่า เป็น (เกิดขึ้น) ฯ ภาพนัยที่ ๒ นั้นมี ๕ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งกามภพเป็นต้นฯ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More