ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 214
บทว่า เอกเมว คือ (ปฏิสนธิจิตและจุติจิต) เหมือนกัน
ทีเดียว โดยภูมิ ชาติ สัมปยุตธรรมและสังขาร ฯ บทว่า เอกชาติย
คือ ในภพ ๑ ฯ
[อธิบายกรรม ๔ มีชนกกรรมเป็นต้น]
บัดนี้ เพื่อจะแสดงกรรมโดยอาการ ๕ ท่านอาจารย์จึงเริ่มคำ
เป็นต้นว่า "ชนก" ฯ กรรมที่ชื่อว่าชนกะ เพราะอรรถว่า ให้เกิดฯ ที่
ชื่อว่าอุปัตถัมภกะ เพราะอรรถว่า เข้าไปสนับสนุนฯ ที่ชื่อว่าอุปปีฬกะ
เพราะอรรถว่า เข้าไปเบียดเบียนฯ ที่ชื่อว่าอุปฆาตกะ เพราะอรรถว่า
เข้าไปตัดรอนฯ บรรดากรรม ๔ อย่างเหล่านั้น เจตนาที่เป็นกุศล
และอกุศล ที่ให้วิบากและกตัตตารูปเกิดขึ้น ในปฏิสนธิกาลและ
ปวัติกาล ชื่อว่าชนกกรรมฯ กรรมที่เป็นกุศลและอกุศล แม้ไม่
สามารถเพื่อจะให้วิบากเกิดได้เอง เป็นปัจจัยแก่กรรมอื่นในการ
ยังวิบากให้เกิดขึ้นที่นานกว่า หรือเป็นปัจจัยแห่งความเป็นไปนานๆ
ซึ่งเหมาะแก่กรรมที่สามารถแต่งให้เกิด เพื่อไม่ให้ปัจจัยที่เป็นเหตุ
ตัดรอนเกิดขึ้น และเพื่อให้ปัจจัยที่เป็นเครื่องพอกพูนเกิดขึ้น แห่งวิบาก
อันเป็นความสุขและทุกข์นั่นแล ชื่อว่าอุปัตถัมภกกรรมฯ กรรม
อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุขัดขวางความเป็นไปนาน ๆ แห่งวิบาก
อันกรรมอื่นให้เกิด โดยขัดขวางนิมิตแห่งพยาธิและความเป็นผู้มีธาตุ
สม่ำเสมอเป็นต้น ชื่อว่าอุปปีฬกกรรม ฯ ส่วนกรรมที่เข้าไปตัดรอน
ความสามารถแต่งให้เกิด แห่งกรรมที่ไม่มีกำลัง แล้วห้ามวิบากของ
กรรมนั้นเสีย โดยบันดาลปัจจัยที่เป็นเหตุตัดรอนให้เกิดขึ้น แล้ว